บริหารจัดการหนี้อย่างไรไม่ให้กระทบการซื้อบ้าน

150 0

การกู้ซื้อบ้าน ถือเป็นหนึ่งเป้าหมายสำคัญในชีวิตของหลายคน เพราะนอกจากจะขึ้นชื่อว่ามีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ยังเป็นทรัพย์สินที่เพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต แต่การกู้ซื้อบ้านต้องการการวางแผนทางการเงินที่ดี รวมทั้งการจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ไม่กระทบต่อการกู้ซื้อบ้านหรือภาระการผ่อนชำระในอนาคต ใครกำลังมองหาวิธีบริหารจัดการหนี้ “ตลาดนัดบ้านมือสอง” มีคำแนะนำ



1. วางแผนทางการเงินก่อนกู้ซื้อบ้าน

ก่อนที่จะคิดกู้ซื้อบ้าน ควรทำการประเมินสถานะทางการเงินของตนเองให้ดี ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่มี ความสามารถในการจ่ายเงินดาวน์ และภาระหนี้สินที่มีอยู่ โดยทั่วไปการกู้ซื้อบ้านจะใช้เงินดาวน์ประมาณ 10-20% ของราคาบ้านทั้งหมด การมีเงินออมเพื่อใช้เป็นเงินดาวน์ จะช่วยลดภาระการกู้และทำให้การผ่อนชำระในแต่ละเดือนน้อยลง



2. จัดการหนี้สินก่อนขอสินเชื่อ

หากมีหนี้สินที่ต้องชำระอยู่ เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อรถยนต์ ควรพยายามลดหนี้เหล่านี้ลงก่อนขอกู้ซื้อบ้าน เพราะภาระหนี้สิน จะถูกพิจารณาในการคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระ โดยทั่วไปแล้ว สัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ (Debt-to-Income Ratio) ควรไม่เกิน 40% ดังนั้นหากสามารถลดหนี้สินอื่นๆ ให้ต่ำลงได้ ก็จะเพิ่มโอกาสให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น



3. อย่าสร้างหนี้เพิ่มระหว่างกระบวนการกู้ซื้อบ้าน

ในช่วงที่กำลังดำเนินการขอสินเชื่อบ้าน ควรหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่ เช่น การเปิดบัตรเครดิตใหม่ การขอกู้ซื้อรถ หรือการขอสินเชื่ออื่นๆ การสร้างหนี้ใหม่จะเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินและอาจทำให้ธนาคารเห็นว่ามีความเสี่ยงในการผ่อนชำระบ้าน ทำให้การอนุมัติสินเชื่อยากขึ้น



4. ปรับปรุงเครดิตบูโร

การตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลเครดิตบูโร เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากมีประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี เช่น การจ่ายหนี้ล่าช้า การผิดนัดชำระ ควรเริ่มปรับปรุงประวัติให้ดีขึ้น เช่น การจ่ายหนี้ตรงเวลา และพยายามชำระหนี้ให้เต็มจำนวน จะทำให้ข้อมูลเครดิตบูโรดูดีขึ้น ในสายตาของธนาคารและเพิ่มโอกาสในการกู้ซื้อบ้าน



5. วางแผนการผ่อนชำระบ้านในระยะยาว

หลังจากได้รับอนุมัติสินเชื่อบ้านแล้ว ควรมีการวางแผนการผ่อนชำระอย่างมีระบบ เช่น การตั้งงบประมาณประจำเดือนที่รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต และที่สำคัญคือการกันเงินส่วนหนึ่งเป็นกองทุนฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้



6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน

หากรู้สึกว่าเรื่องการเงินเป็นเรื่องซับซ้อน หรือไม่มั่นใจในการจัดการด้วยตัวเอง การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก็เป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจะสามารถช่วยวางแผนทางการเงิน ให้เหมาะสมกับรายได้และความต้องการได้ ทำให้การกู้ซื้อบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น



7. ปรับปรุงพฤติกรรมการใช้จ่าย

การควบคุมพฤติกรรมการใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการหนี้ หากสามารถประหยัดเงินในสิ่งที่ไม่จำเป็น และใช้จ่ายอย่างมีสติ จะทำให้มีเงินเหลือมากขึ้นเพื่อนำไปชำระหนี้ และอาจสามารถผ่อนบ้านให้หมดเร็วขึ้นได้



การบริหารจัดการหนี้อย่างมีประสิทธิภาพคือกุญแจสำคัญ ในการกู้ซื้อบ้านอย่างมีความมั่นใจ ดังนั้นหากสามารถวางแผนการเงินอย่างถูกต้อง และจัดการหนี้สินอย่างมีวินัย การมีบ้านของตัวเองก็จะเป็นเรื่องง่าย