SENA เปิด5โครงการ2.7พันล้าน Q2ไตรมาสแรกชะลอตัว แนวราบขายดี แต่โอนไม่ทัน 

05 พ.ค. 2565 621 0

          SENA กางแผนไตรมาส 2/65 เตรียมเปิด 5 โครงการ มูลค่ารวม 2,700 ล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุนกับ “ฮันคิว ฮันชินฯ” กว่า 4 โครงการ ขณะที่ผลงานไตรมาสแรกชะลอตัว แนวราบขายดี แต่โอนกรรมสิทธิ์ไม่ทัน เหตุขาดแคลนแรงงานต่างชาติ รับผลกระทบโควิด-19

          ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2/2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,700 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ โดยแบ่งเป็นโครงการจากบริษัท เจ. เอส. พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP (ณ วันที่ 1 มีนาคม 2565 SENA ถือหุ้นในสัดส่วน 35.35%) จำนวน 1 โครงการ และเป็นโครงการร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นอย่างฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป จำนวน  4 โครงการ

          “กลุ่มฮันคิว ฮันชิน ที่เป็นพันธมิตรของเรา ยังคงเดินหน้าในความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันเขามองประเทศไทยด้วยความเข้าใจ ซึ่งโควิด-19 ไม่ใช่เรื่องใหม่ คนเรียนรู้ที่จะอยู่ได้แล้ว ขณะที่บ้านก็เป็นปัจจัย 4 ซึ่งก็มีคนซื้อทุกวัน เพียงแต่จำนวนผู้ซื้อน้อยลงกว่าช่วงที่ก่อนเกิดโควิด-19 อีกทั้งกลุ่มผู้ประกอบการในประเทศไทยยังสามารถเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เทียบกับในประเทศญี่ปุ่นที่มีการชะลอตัวลง” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

          สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ขึ้นอยู่กับความมั่นใจของประชาชนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นเรื่องของความรู้สึก และหากประเทศไทยยังไม่ปลอดภัย นักท่องเที่ยวต่างชาติก็คงยังไม่เกิดความสบายใจที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว แต่หลังมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดใหม่ อาจจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นใจให้กับประชาชนได้บ้าง

          อย่างไรก็ตาม ในภาวะปัจจุบันที่มีแต่ปัจจัยลบ ทั้งเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้น มีคนตายต่อเนื่อง และต้นทุนต่าง ๆ ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แพงขึ้น แต่มีดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำ ถือเป็นปัจจัยบวกในภาวะที่มีปัจจัยลบรอบด้าน

          ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2565 ยังคงชะลอตัว แม้ยอดขาย (Presale) ของโครงการแนวราบขายดีมาก แต่ในแง่ของการโอนกรรมสิทธิ์ บริษัทไม่สามารถส่งมอบได้ทัน เนื่องจากสร้างไม่ทัน เพราะปัจจุบันแรงงานยังขาดแคลน ส่วนคอนโดมิเนียมในระดับกลาง-ล่าง ยังพอไปได้ แต่คอนโดมิเนียมในระดับบนชะลอตัวขณะนี้

          ยังอยู่ระหว่างการสรุปตัวเลขที่ชัดเจน

          ทั้งนี้ ปัจจุบันแรงงานต่างชาติยังคงขาดแคลน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบ ทำให้แรงงานต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ และยังไม่สามารถตอบได้ว่าแรงงานต่างชาติจะสามารถกลับมาได้เมื่อไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่บริษัทได้หันมาใช้วัสดุแบบพรีคาสท์ (Precast) มากขึ้น แต่ด้วยภาวะของแรงงานที่ยังขาดอยู่ ส่งผลให้ราคาของวัสดุแบบ Precast แพงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นภาระที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับไป