SENA รุกธุรกิจใหม่ เงินสดใจดี ตอบโจทย์คนอยากมีบ้านกู้ยาก

03 พ.ค. 2566 192 0

          ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดธุรกิจใหม่ในเครือภายใต้ชื่อ “เงินสดใจดี” เป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน หรือติดปัญหาต่าง ๆ โดยมีทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่มีแนวโน้มอาจกู้สินเชื่อบ้านไม่ผ่านสามารถมาใช้บริการทางเลือกได้ ประกอบด้วย 1.บริการสินเชื่อเช่าซื้อ เพื่อสามารถเข้าอยู่ในบ้าน/คอนโดมิเนียมได้ทันที จากนั้นทยอยผ่อนชำระเงินกู้ซึ่งจะหักเงินต้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่เงินต้นลดมาอยู่ในระดับที่ลูกค้าน่าจะสามารถกู้สินเชื่อบ้านได้ จะมีการส่งต่อลูกค้าให้กู้สินเชื่อบ้านจากธนาคารแทนเข้าสู่ระบบผ่อนบ้านปกติ 2.สินเชื่อเพื่อชำระค่าทำสัญญา 3.สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อลดภาระดอกเบี้ย เป็นต้น โดยบริษัทเตรียมจัดแคมเปญพิเศษ สำหรับแบรนด์ “เสนาคิทท์” รวม 12 โครงการ ให้บริการด้านสินเชื่อสำหรับผู้ที่ต้องการกู้ซื้อหรือเช่าซื้อที่อยู่อาศัยได้เร็ว ๆ นี้

          ทั้งนี้ ที่ผ่านมา SENA เดินหน้ารุกตลาดเจาะคอนโดมิเนียมเซกเมนต์ต่ำล้าน ผ่านแบรนด์ “เสนาคิทท์” เป็นหลัก โดยปัญหาคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z ที่ลำบากในการสะสมความมั่งคั่ง เพราะการเจริญเติบโตของค่าเงินโตไม่เท่ากับค่าของที่จะซื้อ สารพัดปัญหาของคนต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ดังนั้น ทาง SENA จึงได้หาแนวทาง เพื่อช่วยแก้ปัญหาสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกค้าที่มีความประสงค์ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย

          “ตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิดลากยาวมา เข้ามาปีที่ 4 ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง คนไทยจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาทางการเงินและภาระสินเชื่อที่อยู่อาศัย ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะเศรษฐกิจที่รุมเร้าทั้งภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น เงินเก็บเงินออมลดลง เหล่านี้ล้วนทำให้ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคลดลงอย่างเห็นได้ชัด”

          ขณะเดียวกันคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.50%  เป็น 1.75% ต่อปี ซึ่งจากการที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นนั้น ถือเป็นปัจจัยลบที่มีผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะทำให้ศักยภาพในการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคลดลง ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสวนทางกันระหว่างดอกเบี้ยขึ้นกับความสามารถในการซื้อของคนที่ยังฟื้นไม่เต็มที่นั้น ทำให้กู้ซื้อบ้านหรือขอสินเชื่อยากขึ้น ยอดปฏิเสธสินเชื่อก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับหนี้ครัวเรือนอยู่ในเกณฑ์ที่สูง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้แนวโน้มไม่สดใสอย่างที่คาดการณ์

          ด้านสถาบันการเงินเองต่างมีมาตรการที่คุมเข้มในการปล่อยสินเชื่อ การขอสินเชื่อยากขึ้น ทำให้อัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นตามไปด้วย กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาบางพื้นที่อัตราปฏิเสธสินเชื่อสูงถึงกว่า 50% การซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-2 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท กลุ่มคนที่มีรายได้จากเงินเดือนประจำ โดยคนกลุ่มนี้จะมีภาระหนี้สินอื่น ๆ อยู่แล้ว เช่น ภาระการผ่อนรถยนต์ หรือหนี้บัตรเครดิตที่เกิดจากการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น

          อย่างไรก็ตามปัญหาการกู้ซื้อบ้านไม่ผ่านไม่ใช่แค่ปัญหาการไม่เตรียมเงินเก็บเงินออมของบุคคล ไม่ใช่แค่ปัญหาวินัยทางการเงินของบุคคล แต่ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่สะสมมาก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน

 

 

ที่มา: