SENA ผุดโมเดลZEH ปักหมุดสู่บ้านพลังงานลดการใช้พลังงาน100%

04 พ.ย. 2565 317 0

 

       

          ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA  เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจติดตั้งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) ให้กับลูกบ้านทุกหลัง ได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกกลุ่มผู้อยู่อาศัย และขยายไปยังกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงงาน สถานประกอบการต่าง ๆ เนื่องจากช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า และยังเป็นพลังงานสะอาดที่กระแสทั่วโลกกำลังมาแรงสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนมากขึ้น เพื่อเป็นการยกระดับการพัฒนา

          โดยล่าสุดบริษัทเตรียมนำโมเดล Zero Energy Housing (ZEH) หรือ บ้านและคอนโดมิเนียมพลังงานเป็นศูนย์มาปรับใช้ในโครงการของ SENA ซึ่งบริษัทได้มีการกำหนด 2 องค์ประกอบหลัก เพื่อวางเกณฑ์สำหรับบ้านประหยัดพลังงาน คือ 1. เพื่อลดการใช้พลังงานในที่อยู่อาศัย และ 2. ต้องมีการดำเนินการติดตั้งแหล่งผลิตพลังงานสะอาด โดยเริ่มต้นของการประหยัดพลังงานให้ได้ตั้งแต่ 20% ขึ้นไป จนถึง 100%

          ขณะที่ภาคเอกชนของไทยหลายแห่งเริ่มปรับตัวและต้องการให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุน เพื่อให้เกิดการกระตุ้น Eco System ให้สมบูรณ์เพื่อรองรับกับสังคมที่เปลี่ยนไป โดยรัฐอาจจะต้องกำหนดนโยบายที่ชัดเจน ตามแนวทางนี้เหมือนรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นง่ายกว่าปล่อยให้กลไกตลาดทำงานด้วยตัวเอง

          สำหรับแนวทางการทำ Zero Energy Housing (ZEH) ระยะต่อไปนั้น ทาง SENA มีการวางเป้าหมายพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อลดการใช้พลังงานภายในบ้านให้ได้มากที่สุด คิดละเอียดและใส่ใจทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง และสุขภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการติดตั้งโซลาร์รูฟสำหรับบ้านและคอนโดมิเนียม เพื่อผลิตพลังงานสะอาดใช้เอง มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Carbon ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของบริษัท เพื่อให้ SENA อยู่ในวงจรของ Eco System ใหม่ มุ่งไปสู่ความยั่งยืนหรือ Sustainability อย่างแท้จริง ด้วยการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

          อย่างไรก็ตาม SENA กับ ฮันคิว ฮันชิน เป็นพันธมิตรธุรกิจมากว่า 7 ปี พัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกันทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง รวม 35 โครงการ มูลค่าโครงการ 59,000 ล้านบาท โดยครั้งนี้ได้นำระบบ ZEH มาปรับใช้พัฒนาบ้านและคอนโดมิเนียมด้วย ซึ่งบริษัทเริ่มต้นทำการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปทุกโครงการแล้ว ซึ่งเมื่อคำนวณผลตอบแทนการลงทุนที่อยู่อาศัยที่มีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป จะมีความคุ้มค่ากับการลงทุนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันราคาค่าไฟฟ้าสูงกว่า 4.72 บาทต่อหน่วย ขณะที่ภาครัฐรับซื้อไฟฟ้าจากการผลิตโซลาร์อยู่ที่ 2.20 บาทต่อหน่วย ทำให้ที่อยู่อาศัยมีค่าพลังงานที่ลดลง ประกอบกับการลงทุนการติดตั้งแผงโซลาร์ มีแนวโน้มราคาที่ถูกลงด้วยเช่นกัน



 

 

ที่มา: