S จัด3เซกเมนต์ใหม่รุกบ้านเดี่ยวลักชัวรี เปิดขาย ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส เริ่ม65ล./หลัง

01 มิ.ย. 2565 315 0

          “สิงห์ เอสเตทฯ” ชี้เทรนด์พฤติกรรมผู้ซื้อเปลี่ยนไป อยู่บ้านนานขึ้น พร้อมรุกตลาดโครงการแนวราบ เจาะกลุ่ม 3 เซกเมนต์ใหม่ ระดับราคาตั้งแต่ 10 ลบ.ถึงกว่า 100 ลบ. นำร่องเปิดโฉมโครงการใหม่ “ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส” ทำเลพัฒนาการ 32 ใกล้เมือง เดินตามแผนโรดแมป 5 ปี เปิดโครงการมูลค่ารวม 52,000 ลบ.เน้นพอร์ตแนวราบ รายได้ธุรกิจที่พักอาศัยสู่ระดับ 10,000 ล้านบาท มั่นใจปี 65 รายได้กลุ่มที่อยู่อาศัยตามเป้า 4,400 ลบ.

          นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “S” เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยว่า จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีผลต่อเทรนด์ที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไป โดยจะพบว่า ดีมานด์ของตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงปี 2561-2562 มีสัดส่วนที่สูงกว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ แต่เมื่อเข้าสู่การเริ่มระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เมื่อปี 2563 ตลาด คอนโดฯ ได้รับผลกระทบ และ คาดว่าปี 2564 จะชะลอตัวลดลง -27% ซึ่งคาดว่าตลาดคอนโดฯ จะกลับมาพลิกฟื้นประมาณปี 2566 ในขณะที่กลุ่มสินค้าแนวราบทั้งประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ความต้องการซื้อกลับมาเติบโต หลังจากพฤติกรรมการอยู่อาศัยเปลี่ยนไปอย่างมาก เทรนด์การอยู่บ้านนานขึ้น มองหาบ้านที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ ต้องตอบโจทย์ฟังก์ชันที่หลากหลายมากขึ้น

          “ช่วงเกิดการระบาดของ โควิด-19 บริษัทสิงห์ เอสเตทฯ ไม่ได้หายไปไหน โดยเรามีการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ การขยับไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่เสริมศักยภาพ การขายบริษัทลูกที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยออกไป โดยที่บริษัทสิงห์ฯจะเข้ามาพัฒนาโครงการเอง ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่เราปรับตัว และวันนี้ เราพร้อมแล้ว โดยทุกโครงการของสิงห์ เอสเตทฯ จะมุ่งสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้ทุกชีวิต หรือ Enriching Life พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาโครงการให้ เป็น Best In Class เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยคุณภาพในระดับสากล ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคม และ สิ่งแวดล้อม” นายณัฐวุฒิ กล่าว และว่า

          ในแผนการรุกตลาดแนวราบ ทาง สิงห์ เอสเตทฯได้วาง 3 เซก เมนต์ใหม่ในการขยับลงทุนพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว แบ่งเป็นกลุ่ม 1. บ้านเดี่ยวระดับ ซูเปอร์ลักชัวรี ระดับราคา 50-100 ล้านบาท เพื่อเป็นการต่อยอดจากการพัฒนาโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซล กลุ่ม 2. บ้านเดี่ยวระดับ ลักชัวรี ระดับราคา 20-50 ล้านบาท และกลุ่ม 3. ที่อยู่อาศัย Affordable ลักชัวรี ราคาจับต้องได้ ระดับราคา 10-20 ล้านบาท เน้นเรื่องการออกแบบที่มีความเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นต้น

          โดยในปีนี้ จะเปิด 1 โครงการ ได้แก่ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส รูปแบบ้านเดี่ยวสร้างเสร็จพร้อมอยู่จำนวน 32 หลัง ราคาเริ่มต้น 65 ล้านบาท ไปจนถึงหลังใหญ่สุดที่ 120 ล้านบาท พัฒนาบนเนื้อที่ 20 ไร่ มูลค่ารวม 2,900 ล้าน จะเปิดขายในเดือนกันยายน 65 วางเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์มูลค่า 600 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้จากยอดโอนฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 66 และข้ามไปต้นปี 67 เพียงบางส่วน

          “โครงการใหม่ สิงห์ เอสเตทฯมีการลงทุนซื้อที่ดินล่วงหน้า 1 ปีก่อนนำพัฒนา โดยอีก 2 แบรนด์ใหม่จะเริ่มดำเนินการในปีนี้ แต่จะไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมชื่อแบรนด์ในปี 66 อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ในแผนธุรกิจ 5 ปี (2565-2569) จะมีการสร้างโครงการใหม่รวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท วางสัดส่วนแนวราบต่อคอนโดฯอยู่ที่ร้อยละ 75 และ 25 เน้นทำเลศักยภาพ มีโครงการตั้งแต่ระดับ 10-100 ล้านบาท ใน 3 เซกเมนต์ ซึ่งปีนี้ชัดเจนเปิด 1 โครงการ และจะทยอยเปิดต่อเนื่องปีละประมาณ 2,000-14,000 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจที่พักอาศัยจะสร้างรายได้รวมต่อปีสูงกว่า 10,000 ล้านบาทใน ปี 69”

          สำหรับแนวโน้มเป้ารายได้ในกลุ่มที่อยู่อาศัยนั้น เป้าอยู่ที่ 4,400 ล้านบาท โดยมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” ซึ่งมีมูลค่า Backlog อยู่ที่ 2,600 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ 70% รวมถึงการโอนฯ คอนโดฯ พร้อมอยู่ 2 โครงการได้แก่โครงการ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ และ ดิ เอส อโศก รวมถึงรายได้เพิ่มเติมจากโครงการเปิดใหม่ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส เป็นต้น

ที่มา: