RML โชว์ผลงาน Q4 ปี65พลิกมีกำไร ปีนี้เทิร์นอะราวด์แบ็กล็อก5พันล้าน

08 มี.ค. 2566 206 0

          นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทประสบความสำเร็จมีผลประกอบการที่โดดเด่น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/2565 ที่สามารถพลิกกำไร 43 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 457 ล้านบาท รวมถึงบริษัทยังมียอดขายไตรมาสเดียวกัน 803 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนเกือบเท่าตัวที่ 73% ขณะที่ยอดขายทั้งปี 2565 ยังขยับสูงขึ้นเกือบ 7% จากปี 2564 ซึ่งมาจากลูกค้าของ RML เชื่อมั่นในแบรนด์และคุณภาพโครงการ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ทำให้การโอนโครงการเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 และมียอดโอนไปแล้วประมาณ 50% ของจำนวนยูนิตพร้อมขาย และคาดว่าจะปิดการขายในปี 2566

          “ในไตรมาส 4/2565 บริษัทพลิกกลับมามีกำไร จากบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการต้นทุนโครงการของ RML ในปัจจุบัน รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีดอกเบี้ยแบบอัตราลอยตัวและอัตราคงที่ในสัดส่วนที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จจากการรีแบรนด์ภายใต้สโลแกน ลักชัวรี่ รีอิมเมจิ้น (Luxury Reimagined)’ เพื่อยกภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงง่าย ทันสมัย และขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงทุกเจเนอเรชั่นที่มีกำลังซื้อของตลาดลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ ทำให้โครงการได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยทั้งสองโครงการภายใต้การร่วมทุนกับโตเกียว ทาเทโมโนะ คือ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ มียอดขายแล้วประมาณ 80% และ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ มียอดขายแล้วประมาณ 90%”

          ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 อยู่ที่ 4,965 ล้านบาท รวมทั้งหมด 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ซึ่งทยอยโอนกรรมสิทธิ์มาตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 และโครงการ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดมิเนียมลักชัวรี่ ใจกลางสาทร ซึ่งจะทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 3/2566

          สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนในโครงการต่าง ๆ จากการระดมทุนด้วยตนเองไปสู่การลงทุนร่วมกับบริษัทอื่น (Joint venture) รวมทั้งกลยุทธ์แอสเสท ไลท์ (Asset light)  ซึ่งเน้นเปิดโครงการร่วมกับเจ้าของที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ทำให้ประหยัดต้นทุนค่าที่ดินมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังคงมุ่งพัฒนาและลงทุนโครงการ  ที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income) สามารถรับรู้รายได้เร็ว และรายได้ประจำมากขึ้น โดยในไตรมาส 2/2566 จะเปิดให้บริการ วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์’ อาคารสำนักงานเกรดเอ ระดับลักชัวรี่ที่สูงที่สุดในประเทศไทย บนทำเลใจกลางย่านธุรกิจติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพลินจิต ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทมีรายได้ประจำละกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีอัตราการเช่าแล้ว 50% และมีบริษัทเข้าเซ็นสัญญาแล้ว อาทิ มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย), มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ (ประเทศไทย), มิตซูบิชิ พาวเวอร์ (ประเทศไทย), มารูเบนิ (ประเทศไทย) และอีกหลากหลายองค์กรดังระดับโลก

          นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในรูปแบบ อัลตร้า ลักชัวรี่ แบรนด์เด็ด เรสซิเดนซ์ (Ultra-Luxury Branded Residence) 2 แห่ง โครงการแรก คือ โรสวูด เรสซิเดนซ์เซส กมลา (Rosewood Residences Kamala) จังหวัดภูเก็ต โดยจะพัฒนาในรูปแบบโครงการวิลล่าสุดหรูส่วนตัวเพียงไม่กี่หลัง มูลค่าโครงการรวมกว่า 7 พันล้านบาท และอีกโครงการ ในโซนสุขุมวิท เพื่อมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับลักชัวรี่ และอัลตร้าลักชัวรี่

 

ที่มา: