QHลุยเปิดใหม่หมื่นล. รับดีมานด์ต่างชาติซื้อ 

05 ก.ค. 2566 298 0

           นายประวิทย์ โชติวัฒนาพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยว่า สำหรับปี 2566 นี้คาดว่ารายได้จะทำได้มากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 9,448 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2566 ทำรายได้ได้แล้วกว่า 1,965 ล้านบาท โดยความต้องการโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบ สอดคล้องกับภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพราะปกติการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตสอดคล้องกับภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศ อีกทั้งการเดินทางของนักท่องเที่ยว หรือต่างชาติก็สนใจเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น อย่างชาวจีน ที่เข้ามาซื้อทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมในไทย

          ลุยเปิด 6 โครงการใหม่

          ขณะที่ยอดขาย (พรีเซล) คาดว่าจะทำได้มากกว่าปี ก่อนที่ทำได้ 8,000 ล้านบาท จากการผลักดันยอดขาย และการเปิดโครงการใหม่ โดยปีนี้วางแผนเปิด 6 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ในกรุงเทพมหานคร สำหรับต้นทุนต่างๆ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะนี้ และแนวโน้มต้นทุนค่าแรงด้วย อาจจะกระทบต่อต้นทุนบ้าง แต่บริษัทก็พยายามเดินหน้าในการบริหารต้นทุน เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรให้เติบโต

          “ปีนี้น่าจะเห็นการเติบโตของยอดขายได้ดี สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะดีกว่าปีก่อน การท่องเที่ยวการลงทุนก็จะดีขึ้น ดังนั้นปีนี้บริษัทยังเดินหน้าในการเปิดโครงการใหม่ อีก 6 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนยอดขาย อีกทั้งยังเชื่อว่ารายได้จะเห็นการเติบโตจากปีก่อน รวมไปถึงการบริหารต้นทุนปีนี้ ให้มีประสิทธิภาพ แม้ว่าต้นทุนหลายอย่างจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจโรงแรมก็เห็นอัตราการเข้าพักฟื้นตัวขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น” นายประวิทย์ กล่าว

          บุ๊กรายได้กอง REIT

          ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง QH ว่า สินทรัพย์ทั้ง 3 แห่ง จะถูกโอนเข้ากองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ควอลิตี้ เฮ้าส์ ( Quality Houses Leasehold Property Fund :QHPF) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ควอลิตี้ เฮ้าส์ โฮเทล แอนด์ เรซิเดนซ์ (Quality Houses Hotel and Residence Freehold and Leasehold Property Fund : QHHR) แล้วจะเปลี่ยนเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REITs) ภายในสิ้นปี 2566 หรือต้นปี 2567

          อย่างไรก็ตาม QH จะได้รับ Margin ลดลง จากธุรกิจโรงแรมและรายได้จากค่าเช่าอาคาร สำนักงานเริ่มลดลงปี 2566-2567 หลังจากการ ปรับโครงสร้างบริษัท แต่ QH จะมีรายได้เพิ่มเติมจากค่าบริหารจัดการกอง REITs ใหม่นี้

          พร้อมกันนี้ จากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค เช่น แนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ลดลง เงินเฟ้อจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อัตราค่าแรงงานรายวันใหม่สูงขึ้น คาดการเมืองมีความร้อนแรงขึ้น เป็นต้น จึงปรับลดประมาณการด้าน รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ปี 2566-2567 ลง 8-10% และรายได้อื่นนอกจากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากสัญญาเช่าครบกำหนด ทั้งนี้ คงประมาณการอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin : GPM) และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NPM) เดิมที่ 34%/26-27%

          เคาะเป้า 2.45 บาท

          ดังนั้น ประมาณการรายได้และกำไรสุทธิใหม่ปี 2566-2567 ของจะอยู่ในระดับต่ำ (เป็นตัวเลขหลักเดียว) ซึ่งต่ำกว่าเคยประเมินไว้ ทั้งนี้คาดกำไรไตรมาส 2/2566  อ่อนตัวจากไตรมาสก่อนหน้า  แต่พุ่งขึ้น จากช่วงเดียวกันปีก่อน (เป็นเลขสองหลัก) จากฐานไตรมาส 2/2565 ต่ำ ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ถือ” ประเมินราคาเป้าหมายใหม่ที่ 2.45 บาท (จากเดิมที่ 2.90 บาท) อิงจาก SOTP (ประเมินมูลค่าธุรกิจหลักที่ 0.60 บาท อิง P/E ที่ 9.6 เท่า (-0.5 S.D) และธุรกิจการลงทุนที่ 1.85 บาท)

 

ที่มา: