PSH ชี้ดีมานด์อสังหาหนุน ลุยโครงการใหม่ตุนพอร์ต

18 พ.ค. 2565 379 0

      PSH ส่งซิก Q2/2565 ยอดขายรอโอนจ่อคิวเพียบ แถมย้ำเป้าปี 2565 รายได้ 3.3 หมื่นล้านบาท ลุยขยายฐานปั้นโครงการใหม่ราว 1.6 หมื่นล้านบาท ตุน Backlog เพิ่มจากเดิม ประมาณ 2.02 หมื่นล้านบาท กินยาว รับรู้รายได้ปี 2566 ชี้ดีมานด์ยังหนุนความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง

          นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยแนวโน้มผลงานไตรมาส 2/2565 บริษัทคาดว่า จะปรับตัวดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่มีรายได้ราว 5.98 พันล้านบาท เนื่องจากธุรกิจมียอดขายที่รอโอน (Backlog) ที่รอส่งมอบเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังน่าจะมียอดขายจากโครงการใหม่ที่เปิดเพิ่มเติมในไตรมาส 2/2565 เข้าเสริมด้วย

          ส่วนประมาณการรายได้ปี 2565 บริษัทยังคงไว้ราว 3.3 หมื่นล้านบาท เพราะธุรกิจมียอดขายที่รอโอนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีการเปิดโครงการใหม่ในช่วงที่เหลือปีนี้เพิ่มสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอีกทางหนึ่ง ตลอดจนธุรกิจยังบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

          ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีตัวเลข Backlog อยู่ที่ประมาณ 2.02 หมื่นล้านบาท คาดน่าจะสามารถรับรู้รายได้ปีนี้ราว 1.87 หมื่นล้านบาท และที่เหลือจะทยอยส่งมอบต่อเนื่องไปในปีถัดไป รวมทั้งธุรกิจยังมีแนวทางพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมรายรับในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น

          ลุยโครงการใหม่

          โดยในปีนี้ทาง PSH มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมดราว 31 โครงการ คิดเป็นมูลค่าราว 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การเปิดโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 2/2565 จำนวน 9 โครงการ มูลค่าอยู่ที่กว่า 5.9 พันล้านบาท และที่เหลือจะทยอยเปิดอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงสิ้นปีนี้ เพื่อสร้างยอดขายและรายได้ให้กับธุรกิจในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น

          ส่วนทิศทางของราคาต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นราว 2-3% ในช่วงที่ผ่านมานั้นทาง PSH มองว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนก่อสร้างในบางโครงการ โดยเฉพาะในส่วนของโครงการแนวราบ แต่บริษัทเองยังพยายามบริหารจัดการต้นทุนภายในส่วนต่างๆ เพื่อทำให้ธุรกิจไม่ต้องมีการปรับราคาขายบ้านขึ้นแต่อย่างใด และในทางกลับกันมองว่าราคาบ้านในปัจจุบันยังเป็นราคาเดิม ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย

          ขณะที่กลยุทธ์ในปีนี้ทาง PSH มุ่งผสานความร่วมมือระหว่างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเฮลธ์แคร์ โดยมีแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed Use ที่จะผสานบริการด้านสุขภาพไว้ในโครงการเดียวกัน รวมถึงมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเข้ามาเติมเต็มบริการตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างดีที่สุด ซึ่งด้านการลงทุนพฤกษาได้มีการเพิ่มพอร์ตลงทุนที่หลากหลาย

          ร่วมพันธมิตรอัพฐาน

          พร้อมกันนี้ยังได้มีการลงทุนในไทยที่ผสานความร่วมมือระหว่างธุรกิจเรียล เอสเตท และโรงพยาบาล ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการศูนย์สุขภาพแห่งแรกในชุมชนพฤกษา ขนาด 50 เตียง ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการพฤกษา อเวนิว บางนา-วงแหวน ในเดือนสิงหาคมนี้ ขณะเดียวกันได้มีการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ โดยโรงพยาบาลวิมุตร่วมกับ JAS ASSET ก่อตั้งบริษัท Senera Vimut Health Service ทำโครงการ SENERA Senior Wellness บริเวณถนนคู้บอน เป็นศูนย์เมดิคอล ขนาด 5,713 ตร.ม. 4 ชั้น ขนาด 78 เตียง มีแผนเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมนี้

          นอกจากนี้ยังได้มีการลงทุนทั้งในไทย ออสเตรเลีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยเป็นกลุ่มธุรกิจประเภทนวัตกรรมด้านการพัฒนาความยั่งยืน (ESG Innovation) ระบบความปลอดภัยในโลกดิจิทัล (Digital Securities) และ เฮลธ์เทค พร็อพเทค ที่รองรับกระแสเทรนด์ที่อยู่อาศัย

          อย่างไรก็ดีภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในไตรมาส 1/2565 ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของพฤกษาแสดงให้เห็นชัดว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยจริงยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะแนวราบในกลุ่มบ้านเดี่ยว ซึ่งเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่เติบโตจากผลกระทบโควิดที่ทำให้คนอยากอยู่บ้านมากขึ้น แม้สภาพเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะซบเซาและมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนก็ตาม โดยมียอดขายโครงการอสังหาริมทรัพย์รวม 5.34 พันล้านบาท รายได้รวม 5.67 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 639 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% ในขณะที่กำไรสุทธิของพฤกษา โฮลดิ้ง (รวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเฮลธ์แคร์) อยู่ที่ 552 ล้านบาท

 

ที่มา: