NWR รุกงาน-มาร์จิ้นสูง หนุนแบ็กล็อก-รายได้โต

07 เม.ย. 2566 258 2

           NWR ส่งซิกอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัว ลุยประมูลงานใหม่มูลค่า 30,000 ล้านบาท เน้นงานที่มีมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านบาท และเป็นโครงการที่มีมาร์จิ้นสูง คาดจะได้รับงานปีนี้ประมาณ 14,000 ล้านบาท ช่วยต่อยอด Backlog ปัจจุบันราว 30,000 กว่าล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 40% หนุนผลงานเติบโตมากกว่าปีก่อนราว 5- 10%

          นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เปิดเผยทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2566 คาดว่าจะสามารถมีกำไรได้เพิ่มขึ้น และจะมีรายได้เติบโตมากกว่าปี 2565 เล็กน้อยที่ประมาณ 5-10% มาจากงานก่อสร้างที่บริษัทมีอยู่ในมือ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการในมือ (Backlog) ราว 30,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีมาร์จิ้นที่ดี โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้ รายได้ปี 2566 ประมาณ 40%

          ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ภายใน 2-3 ปีต่อจากนี้ แบ่งออกเป็นโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านบาท อยู่ที่ 61% และมีโครงการมูลค่า 1,000-1,999 ล้านบาท อยู่ที่ 23% ส่วนโครงการมูลค่า 500 ล้านบาท อยู่ที่ 10% และต่ำกว่า 500 ล้านบาท อยู่ที่ 6% ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนงานภาครัฐ 88% ภาคเอกชน 7% และ Sub-contractor 5%

          ซึ่งในปีนี้บริษัทอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานเข้ามาประมาณ 14,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันยังเป็นช่วงต้นปีงานที่จะทยอยมาให้ประมูลยังไม่มากนัก โดยคาดว่าจะเป็นหลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จปริมาณงานจะออกมาเพิ่มมากขึ้น

          บริษัทในเครือเสริมแกร่ง

          ทั้งนี้บริษัทในเครือ อาทิ บริษัท แอ็ดวานซ์ พรีแฟบ จำกัด ในปีนี้บริษัทเร่งเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าทางคู่ และโครงการ Box Culvert สนามบินสุวรรณภูมิรวมทั้งการบริหารคุณภาพการผลิต, บริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด ก็จะเริ่มก่อสร้างโครงการ Baranee Bliss ที่รังสิตคลองสาม และจัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างโครงการใหม่ราว 100-200 ล้านบาท

          ทางด้าน บริษัท เทสท์เมคเคอร์ จำกัด บริษัทเตรียมพิจารณาปรับเมนูร้านใบบัว ที่ซอยลาซาล เพื่อเพิ่มอาหาร สไตล์อิตาเลียน และทำการตลาดส่งออก อาหารสำเร็จรูปผ่านตัวแทนจำหน่าย และบริษัท ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ UBA ได้เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยจะจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ครั้งแรกในเดือนเมษายนนี้

          บิ๊กโปรเจ็กต์หนุนก่อสร้าง

          บริษัทมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 2.7-3.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนของภาครัฐ ที่คาดว่าจะมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2565-2567 คาดว่าจะขยายตัวที่ 6.0-7.0 ต่อปี จากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ EEC ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 อาทิโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา, โครงการรถไฟ ความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3, โครงการ พัฒนาท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3, รวมทั้ง โครงการสำคัญอื่นๆ เช่น โครงการพัฒนาอาคารโดยสาร ส่วนต่อขยายทิศเหนือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และโครงการเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์) เป็นต้น

          ส่วนการลงทุนภาคเอกชนก็มีแนวโน้มที่จะฟื้นขึ้นในปี 2566-2567 ซึ่งจะมาจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐการลงทุนใน EEC ที่หนุนให้เกิดการก่อสร้าง โรงงานและนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่รวมถึง มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ ที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัยหรือความต้องการซื้อขายบ้านคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น

ที่มา: