NOBLE เดินเกมรุกปี66บุกตลาดบ้านเต็มสูบ จ่อเปิด10โครงการใหม่มูลค่า23,000ล้านบาท 

20 ม.ค. 2566 225 0

 

           บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ หรือ “NOBLE” เดินเกมรุกปี 2566 เปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 23,000 ล้านบาท มุ่งขยายพอร์ตแนวราบเพิ่ม พร้อมวางเป้าหมายยอดขาย 23,000 ล้านบาท ดันรายได้ทั้งปี 2566 โตทะลุ 15,000 ล้านบาท ในปี 66 ประกาศต่อยอดความสำเร็จปีที่ผ่านมา หลังยอดขายทำนิวไฮตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาอยู่ที่ระดับ 17,400 ล้านบาท หนุน Backlog ปี 2565 พุ่งแตะ 19,000 ล้านบาท

          นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “NOBLE” กล่าวว่า ปี 65 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดขายโครงการใหม่ตลอดทั้งปี จำนวน 10 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวม 31,550 ล้านบาท ซึ่งสามารถกวาดยอดขาย ได้ที่ระดับ 17,400 ล้านบาทา ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 65 บริษัทมียอดขายรอโอนในมือรวมมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท

          สำหรับในปี 66 บริษัทฯมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยที่เติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวรวมทั้งความต้องการบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการมูลค่า 23,300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบโรห์ลิกเก้าโครงการมูลค่า 13,400 ล้านบาทและโครงการแนวสูงหนึ่งโครงการมูลค่า 9900 ล้านบาท โดยจะกระจายตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ

          ทั้งนี้ บริษัทมีที่ดินพร้อมรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการที่เน้นเจาะกลุ่มอัลตร้า ลักชัวรี เซกเมนต์ เพิ่มขึ้นสามโครงการได้แก่โครงการ โนเบิล เอควา ริเวอร์ฟรอนท์ ราษฎร์บูรณะบ้านเดี่ยวติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9-เอกมัย บ้านเดี่ยวใจกลางเมืองและโครงการโนเบิล อเวย์ ชะอำ บีชฟร้อนท์

          นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินค้ารองรับความต้องการอยู่อาศัยในทุกสถานการณ์ก่อสร้างโดยมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในปี 66 มูลค่า 11,300 ล้านบาทและสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 18,700 ล้านบาทซึ่งรองรับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุนซึ่งจะพักดันยอดขายและรายได้ของบริษัทในปีนี้ให้เติบโตสูงขึ้นอีกด้วย

          “จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจประกอบกับสต๊อกยอดขายที่รอรับรู้รายได้รวมถึงโครงการแนวราบที่ทยอยส่งมอบในปีนี้ จะส่งผลบวกต่อทิศทางการดำเนินงานของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญซึ่งจะส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทในปีนี้แตะระดับ 15,000 ล้านบาท”

 

 

ที่มา: