NCHจ่อเปิด6โครงการ4.9พันล้าน หนุนยอดขายตามนัด 5.5 พันล้านในปีนี้

23 ส.ค. 2566 400 0

                  นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมุ่งเดินหน้าเพื่อเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 อีกจำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,900 ล้านบาท โดยจะพัฒนาเป็นสินค้าทาวน์เฮาส์, บ้านแฝด และบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3-5 ล้านบาทต่อยูนิต ด้วยราคาที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดบ้านแนวราบ

          โดยได้ขยายทำเลเพิ่มครอบคลุมพื้นที่ 4 ทำเลศักยภาพ (โซนเหนือ, โซนตะวันตก, โซนใต้ และโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ และปริมณฑล) เพิ่มกำลังการผลิตบ้านด้วยระบบเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัยขยายฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มตลาดบ้านแนวราบ ทำให้ NCH มีความพร้อมที่จะเดินตามแผนในตลาดใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในปี 2566 บริษัทจึงมั่นใจยอดขาย (Presale) จะทำได้ตามเป้าหมาย 5,500 ล้านบาท และจะมียอดรับรู้รายได้ที่ระดับ 3,200 ล้านบาท

          สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทมีกำไรสุทธิ 56.81 ล้านบาท ลดลง 48.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 110.25 ล้านบาท และมีรายได้รวม 676.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นในส่วนงานแนวราบตามปกติ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าเช่าและบริการในส่วนของธุรกิจอาคารพักอาศัยให้เช่า NC Regen Sport & Wellness Center และธุรกิจบริการฟื้นฟูสุขภาพและดูแลผู้สูงอายุ ส่วนกำไรสุทธิที่ลดลงเป็นผลจากต้นทุนขาย ต้นทุนในการจัดจำหน่าย และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

          ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 120.16 ล้านบาท ลดลง 79.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 199.55 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,340.99 ล้านบาท ลดลง 1.75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายโครงการแนวราบยังเติบโต พร้อมด้วยรายได้ค่าเช่าและบริการที่เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิที่ลดลงเป็นผลจากต้นทุนขาย ต้นทุนในการจัดจำหน่าย และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

          ทั้งนี้ ภาพรวมของราคาต้นทุนวัสดุก่อสร้างมีการปรับตัวสูงขึ้นแบบขั้นบันได จึงทำให้มีความแตกต่างทางต้นทุนอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2565 ด้านอัตราต้นทุนขายเมื่อเทียบกับรายได้จากการขายในครึ่งปีแรกของปี 2566 คิดเป็น 66.14% เพิ่มขึ้น 62.28% จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565

          ส่วนฐานะทางการเงินของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.73 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับในอุตสาหกรรมเดียวกัน ขณะที่มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 5,358.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 249.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.88% จากสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2565

 

 

ที่มา: