MODERNปักธงรายได้ปีนี้โต20%
นายพัฒนะ อุษณาจิตต์ กรรมการบริหาร บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขาย 3,200 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ย 20% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มียอดขาย 2,701.60 ล้านบาท เป็นไปตามการขยายตัวของทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งกลุ่มเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน/บ้าน กลุ่มวัสดุอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ กลุ่มเช่าพื้นที่และบริการ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์สุขภาพและเครื่องมือทางการแพทย์ และธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรม
ทั้งนี้ ธุรกิจเฮลท์แอนด์แคร์ที่ได้มีการเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทาง ปัจจุบันยอมรับว่าจำนวนผู้ป่วยน้อยลง ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังสามารถทำกำไรสุทธิได้ ถือว่าไปได้ดี กลุ่มลูกค้าภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีงานในมือรอส่งมอบ (Backlog) อยู่ที่ 1,300-1,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2565 และมีงานใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตอย่างต่อเนื่อง กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ออฟฟิศมีแบ็กล็อก 1,000-1,200 ล้านบาท เป็นต้น
ขณะที่ในปี 2564 บริษัทวางงบลงทุน 10 ล้านบาท เพื่อการปรับปรุงโชว์รูมใหม่ และวางงบลงทุน 20-30 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับเฟอร์นิเจอร์ในประเทศ รวมไปถึงการลงทุนด้านดิจิทัลมากขึ้น และด้าน E-Commerce ส่วนการร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) และการเข้าควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนและยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 คาดว่าจะเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เนื่องจากงานในส่วนของภาครัฐหรือราชการ สำนักงานออฟฟิศ และเฟอร์นิเจอร์บ้านค่อนข้างขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และตลาดในต่างประเทศค่อนข้างซบเซาอย่างหนักโดยในปี 2564 ตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้น้อยกว่า 10% จากปกติ 15-20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากผลกระทบจากกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะเมียนมา
ส่วนในไตรมาส 2/2564 บริษัทยังเตรียมเปิดตัวเว็บไซต์ E-commerce ของบริษัทเอง จากเดิมที่เปิดร้านขายสินค้าในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ 100% ซึ่งได้จากปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทมีลูกค้าทั้งโครงการคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยว เป็นบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ โดยในปี 2564 มีแผนรุกตลาดรีเทล
“MODERN ยังคงมุ่งเน้นทำการตลาดกลาง-บน เพราะเป็นฐานลูกค้าเดิม และเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจน้อย และหลังจาก COVID-19 หายไป แน่นอนว่าการแข่งขันของธุรกิจจะสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งบริษัทมีการเตรียมแผนรวมถึงการขับเคลื่อน และมีการปรับตัวอย่างรวดเร็วให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน”
นอกจากนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2564 บริษัทได้จัดงาน “Steelcase : Love How You Work” ส่งนวัตกรรมเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกจาก Steelcase พลิกโฉมการทำงานแบบเดิม ๆ ตอบโจทย์เวิร์กกิ้งไลฟ์สไตล์ยุค New-Normal หลังมีแผนรุกตลาดรีเทลมากขึ้น โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ทั้งนี้จากวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2563 ส่งผลให้ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเอง โดยเฉพาะรูปแบบการทำงานในปัจจุบัน หลายองค์กรต้องปรับตัวเข้าสู่การทำงานแบบทางไกล (Remote Working), การทำงานจากที่บ้าน(Work from Home), การทำงานที่ต้องคล่องแคล่ว ว่องไว (Agile Working) ดังนั้นเฟอร์นิเจอร์จึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างสรรค์ผลงาน และมีผลต่อสุขภาพคนทำงาน
ทั้งนี้ ปัจจุบันสตีลเคส (Steelcase) แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สำนักงานระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่เพียงผู้เดียวอย่างเป็นทางการมา 28 ปี ชวนสัมผัสนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจากสตีลเคส และเมื่อต้นเดือนมีนาคมนี้ สตีลเคสได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 40 รายการ ที่ออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่ของคนทำงานหลังภาวะโรคระบาด ซึ่งได้เปลี่ยนรูปแบบความต้องการและคาดหวังของผู้คนในสถานที่ทำงาน โดยทำการวิจัยใน 10 ประเทศ มีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 32,000 คน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น