CRDเล็งผนึกพาร์ตเนอร์แตกไลน์อสังหามือสอง
CRD แย้มแผนปีหน้าจับมือพาร์ตเนอร์ ลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสอง นำมารีโนเวตก่อนปล่อยขาย มองซัพพลายในตลาดล้น ส่วนธุรกิจก่อสร้างยังชะลอตัว ขอรักษาฐานรายได้ใกล้เคียง 1 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าบริการจัดการขยะ โชว์สัญญาล้นมือ 800-900 ล้านบาท
นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด (มหาชน) หรือ CRD เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจก่อสร้างปี 2566 มองว่ายังเป็นภาพที่ไม่สดใส และการดำเนินธุรกิจอาจจะเหนื่อย เพราะผู้ประกอบการยังไม่ลงทุน แต่ยังไม่มีโครงการก่อสร้างโรงแรมโครงการเดิมที่ให้ผู้รับเหมากลับมาดำเนินต่อในปี 2567 ส่วนงานรับเหมาของ CRD มีงานก่อสร้างโรงแรมที่เป็นโครงการเก่า และเตรียมจะดำเนินการในปี 2566 เช่นกัน
เล็งลุยธุรกิจใหม่
ทั้งนี้ภาพรวมธุรกิจก่อสร้างอาจจะชะลอตัว บริษัทจึงมองหาธุรกิจที่ใกล้เคียง เพื่อต่อยอดการธุรกิจให้เติบโตเพิ่มขึ้นในภาวะที่อุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยบริษัทสนใจธุรกิจอสังริมทรัพย์ มือสอง และนำมารีโนเวตเพื่อขายต่อใ/ห้กับผู้ที่สนใจ เนื่องจากมองว่าอสังหาริมทรัพย์มือสองในปี 2566 จะมีซัพพลายมาก เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ซัพพลายในตลาดเพิ่มขึ้น
ส่วนการดำเนินธุรกิจในอนาคต มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะร่วมมือกับพันธมิตร หรือกิจการร่วมค้า (Joint Venture) เบื้องต้นคาดจะสรุปรายละเอียด และการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์มือสองในปี 2566
ด้านทิศทางรายได้ปี 2566 บริษัทมองว่าจะไม่เติบโต เพราะเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว การลงทุนก่อสร้างอาจจะไม่เกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม แม้นักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วจำนวนมาก บริษัทจะพยายามรักษาฐานรายได้ให้ใกล้เคียง 1 พันล้านบาท ขณะเดียวกันจะพยายามผลักดันผลประกอบการให้กลับมาเป็นบวก ปัจจุบันบริษัทมี งานในมือ หรือ Backlog รวม 1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็น งานก่อสร้าง 400-500 ล้านบาท งานบริหารจัดการขยะ 800-900 ล้านบาท อนึ่ง 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัทมีรายได้แล้ว 902.34 ล้านบาท และ ผลขาดทุน 11.26 ล้านบาท
รุกงานราชการ
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างติดตามราชการโครงการใหญ่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวม 800 ล้านบาท หากได้งานจะช่วยให้บริษัทมีฐานจากราชการเพิ่มขึ้น ส่วนงานเอกชนอาจจะรอติดตามในช่วงท้ายปีอีกครั้ง แต่คาดงานเอกชนจะทยอยออกมาเพิ่มเติม หลังจากบริษัทรับงานก่อสร้างคอนโดมิเนียม และเริ่มทยอยส่งมอบงานได้บ้างแล้ว อีกทั้งโครงการของลูกค้ามียอดโอนกรรมสิทธิ์เกินคาด เชื่อว่าผู้ประกอบการเอกชนจะเริ่มเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น และจะทำให้ภาพงานก่อสร้างมีจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นสอดคล้องกันไป
ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการจำนวน 11 โครงการ อาทิ โครงการรีสอร์ต, โรงแรม, คอนโดมิเนียม และงานอาคารสูงต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้บริษัทยังขยายการรับงานก่อสร้างไปยังโครงการหมู่บ้านจัดสรร ปัจจุบันมีงานที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 โครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ 1. โครงการ Holiday Inn Express and Resort Samui 2.The Astra Sky River Chiangmai 3. Boutique Chiangmai Nimman 2Hotel Chiangmai 4. อาคารโรงงานลานนาเกษตร, เชียงใหม่ 5. Atlanta Medicare Institute Chiangmai 6.New Mineral Water Line Plant Chiangmai 7.Escape Mahidol Chiangmai 8.หอพักน้ำแร่เชียงดาว Chiangmai 9.งานระบบโรงงานผลิตยา Atlanta Chiangmai 10. อรสิริน บีลีฟ รวมโชค Chiangmai และ 11. Feel Nimman Phase 2 Chiangmai
มีสัญญาเต็มมือ
สำหรับงานสาธารณูปโภคปัจจุบันบริษัทมีสัญญา 3 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าระบบส่งน้ำคลองลำปลอก จังหวัดตรัง และงานระบบบำบัดสิ่งปฏิกูล อำเภอป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง และงานไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็ก อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง จังหวัดนครราชสีมา
นอกจากนี้บริษัทยังมีสัญญางานเก็บขนขยะมูลฝอยอีก 4 โครงการ ซึ่งปัจจุบันทยอยรับรู้รายได้ จากสัญญาณในระยะ 5 ปี ได้แก่ โครงการเก็บขนขยะมูลฝอย เทศบาลนครลำปาง, งานกำจัดขยะมูลฝอย เทศบาลนครลำปาง ทั้ง 2 โครงการ ที่รับรู้รายได้ไปแล้วกว่า 50% ส่วนโครงการขนขยะมูลฝอยเทศบาลนครปากเกร็ด และโครงการเก็บขนขยะมูลฝอย เทศบาลนครเชียงใหม่ ที่เพิ่งเริ่มรับรู้รายได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น