CPANEL อิฐมวลเบาขาดหนุนดีมานด์คอนกรีตโต
CPANEL ส่งซิกธุรกิจปี 2566 โตต่อ ชี้อิฐมวลเบาขาดหนุนดีมานด์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปขายดี ย่องเจรจารับออเดอร์ใหม่ 300 ล้านบาท ฟากผู้บริหารเล็งประกาศแผนธุรกิจต้นมกราคม ปี 2566 คอนเฟิร์มยอดปีนี้เข้าเป้าหรือโต 35% กอดแบ็กล็อกแน่น 1.03 พันล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ภาพธุรกิจปี 2566 จะเติบโตดีต่อจากปีนี้ เพราะจากสถานการณ์ที่อิฐมวลขาดตลาด ส่งผลให้ดีมานด์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันช่วงท้ายปีนี้บริษัทเจรจากับลูกค้าหลายรายเพื่อรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์)
ดีลออเดอร์ใหม่
โดยปัจจุบันเจรจากับลูกค้า คิดเป็นมูลค่า 200-300 ล้านบาท คาดจะสรุปเร็วๆ นี้ และจะเป็นงานผลิตพร้อมกับส่งมอบให้ลูกค้าในปีถัดไป สำหรับแผนธุรกิจปี 2566 บริษัทจะประกาศแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงต้นเดือนมกราคม 2566 เบื้องต้นคาดว่าจะเติบโตตามอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีการเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ราคาระดับ A และ C ซึ่งขยายโครงการอย่างต่อเนื่องตามดีมานด์ของผู้อยู่อาศัย
อีกทั้งการเร่งการก่อสร้างเพื่อส่งมอบให้ลูกค้าให้ทัน ก่อนที่ภาครัฐจะยกเลิกมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV ที่จะหมดอายุภายในสิ้นปีนี้ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดีมานด์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปมีแนวโน้มสูงขึ้น
สำหรับแนวโน้มภาคอุตสาหกรรมปี 2566 บริษัทเชื่อว่าอสังหาค่อนข้างคึกคัก ด้วยอานิสงส์จากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งพฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนไปหลังโควิด เช่น Work From Home, Social Distancing มากขึ้น ส่งผลให้จำนวนบ้านจัดสรร และคอนโดในกรุงเทพฯ เป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะแนวรอบปริมณฑล ประกอบกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ระยะเวลาส่งมอบงานที่สั้นลง
ผลงานเข้าเป้า
ส่วนปีนี้บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้า โดยบริษัทปรับเป้ารายได้เพิ่มขึ้นเป็นโต 35% จากเดิมตั้งเป้าโต 25% โดย 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้แล้วที่ 316.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิแล้ว 48.98 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 จำนวน 1,038.50 ล้านบาท ซึ่งคาดจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 4/2565 ที่ 104.68 ล้านบาท และภายในปี 2566 อีก 933.82 ล้านบาท
ด้านการขยายโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป เฟส 2 ซึ่งเป็นโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปด้วยระบบการผลิตแบบ Fully Automated เพิ่มกำลังการผลิตอย่างน้อย 792,000 ตารางเมตร ต่อปี บริษัทวางงบลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท โดยระยะเวลาการก่อสร้างคาดเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 4/2565 จนถึงไตรมาส 4/2566 คาดจะเริ่มผลิตดำเนินการได้ภายในไตรมาส 1/2567 จะทำให้ผลิต Precast Concrete ได้ในปริมาณที่ มากขึ้น และส่งมอบงานได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงบริษัทจัดการควบคุมต้นทุนได้อย่างดี ส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น