CPANEL ปั๊มรายได้ปี65 โต25% จ่อขึ้นราคาพรีคาสต์ 15% ตุนแบ็กล็อก 1,190 ล้าน

24 ม.ค. 2565 572 0

        “ซีแพนเนล” วางเป้ารายได้ปี 65 โต 25% หลังประเมินปีนี้ตลาดอสังหาฯ โต 3-5% จากปีก่อน พร้อมขึ้นราคา Precast Concrete อีก 15% โชว์แบ็กล็อก 1,190 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ 3 ปี ขณะที่ไตรมาส 1/65 จ่อเซ็นงานเพิ่มอีก 200 ล้านบาท แย้มผลดำเนินงานปี 64 รายได้โต 35% เตรียมชงบอร์ดพิจารณาอนุมัติ 21 ก.พ.นี้

          นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) และส่วนประกอบอาคารที่ผลิตจากคอนกรีตสำเร็จรูป เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโต 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน พร้อมรักษาการทำอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้เฉลี่ยอยู่ที่ 36-37%

          ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) มูลค่ากว่า 1,190 ล้านบาท (อสังหาริมทรัพย์แนวราบ 74% และแนวสูง 16%) ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ 3 ปีจากนี้ และในไตรมาส 1/2565 (ม.ค.-มี.ค. 65) บริษัทจะเซ็นสัญญารับงานอีก 200 ล้านบาท โดยเป็นลูกค้าอสังหาริมทรัพย์แนวราบ 4 ราย และแนวสูง 2 ราย ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทันที

          ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1/2565 คาดว่าจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนแน่นอน โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่บริษัทจะปรับขึ้นราคา Precast Concrete เฉลี่ย 15% เพราะต้นทุนวัตถุดิบ เช่น คอนกรีต เหล็ก และสาร ประกอบปิโตรเคมีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้แจ้งให้ลูกค้ารับทราบแล้ว ประกอบกับความต้องการ Precast Concrete เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป็นไปตามที่สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยคาดว่าตลาดอสังหาฯ ในปี 2565 จะเติบโต 3-5% โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม

          นอกจากนี้ บริษัทประเมินว่าตลาด Precast Concrete ภาพรวมปี 2565 จะเติบโตไม่ต่ำ 30-40% ซึ่ง CPANEL ถือเป็นระดับ Top ในธุรกิจนี้   ดังนั้นจึงมั่นใจว่าตลอดปี 2565 จะมีงานเข้ามาเติมแบ็กล็อกบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าที่จะเริ่มงานก่อสร้างเดือนมิถุนายน 2565 ได้ติดต่อซื้อสินค้าของบริษัทแล้ว

          ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2565 ประเมินว่าจะคลี่คลายลงและดีกว่าปี 2564 เพราะสายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งปัจจุบันหลายประเทศเริ่มคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดแล้ว ส่วนในไทยประเมินว่าจะเริ่มคลายมาตรการต่าง ๆ จนกลับสู่ภาวะปกติตั้งแต่ไตรมาส 2-3 นี้ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศการลงทุนด้านการก่อสร้างช่วงครึ่งปีหลังทั้งงานภาครัฐและเอกชนฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนด้วย

          นายชาคริต  กล่าวเพิ่มเติมถึงผลการดำเนินงานปี 2564 ว่า รายได้เติบโต 35% จากปี 2563 ที่มีรายได้  220 ล้านบาท โดยวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาผลประกอบการปี 2564 และจะรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่อไป

ที่มา: