CHEWA มีสัญญาณพลิกบวกลุยโปรเจ็กต์ใหม่5พันล้านบาท

30 พ.ค. 2565 354 0

         CHEWA ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/2565 พลิกกำไร เตรียมรับเงินโอนชีวาทัย ปิ่นเกล้า อวดยอดจองล้น 70% คิดเป็นเงิน 1.17 พันล้านบาท ปักเป้ารายได้ปีนี้แตะ 2.8 พันล้านบาท มั่นใจครึ่งปีแรกทำได้ตามเป้า ลุยพัฒนา 6 โปรเจ็กต์ใหม่ มูลค่า 5 พันล้านบาท

          นายธนิศร นิติสาโรภาส รองกรรมการผู้จัดการ ดูแลสายงานการเงิน และบัญชี บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า คาดทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2/2565 จะพลิกเป็นบวกจากไตรมาส 1/2565 ที่ขาดทุน 4.01 ล้านบาท เพราะบริษัทมีโครงการเตรียมโอนกรรมสิทธิ์ต้นเดือนมิถุนายน 1 โครงการ คือโครงการ ชีวาทัย ปิ่นเกล้า มูลค่าโครงการ 1.58 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอด รอโอน (Backlog) 70% จำนวน 417 ยูนิต จากทั้งหมด 593 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่า 1.17 พันล้านบาท

          เตรียมบุ๊กยอดโอน

          สำหรับโครงการดังกล่าวมีความพร้อมที่จะโอนกรรมสิทธิ์ที่พักอาศัยให้กับลูกค้า โดยลูกค้ามีเอกสาร และยื่นกู้สถาบันทางการเงินพร้อมหมดแล้ว สำหรับโครงการดังกล่าวจะโอนตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ไปจนถึงไตรมาส 3/2565 ขณะที่ไตรมาส 4/2565 บริษัทจะมีโครงการโอนกรรมสิทธิ์อีก 1 โครงการ คือโครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 (เฟส 2) มูลค่าโครงการ 994 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดรอโอนจำนวนค่อนข้างมาก

          อย่างไรก็ดีในไตรมาส 2/2565 บริษัทจะรับรู้รายได้การโอนกรรมสิทธิ์ที่ล่าช้า และเลื่อนมาจากไตรมาส 1 เข้ามาในไตรมาสนี้ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการในครึ่งปีแรก 2565 เติบโตดี และอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1.4 พันล้านบาท จากทั้งปีบริษัทวางเป้ารายได้ไว้ที่ 2.8 พันล้านบาท

          สำหรับรายได้จำนวน 2.8 พันล้านบาท จะมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบ 38% หรือคิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านบาท และโครงการแนวสูง 62% หรือคิดเป็นเงิน 1.73 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอดรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 2 พัน ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทมีเป้าหมายจะผลักดันให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปีนี้อยู่ในที่ 4-10% จากการโอนโครงการใหม่ โครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้าและโครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 (เฟส 2) เข้ามา

          ผุดโปรเจ็กต์ใหม่

          สำหรับโครงการใหม่ที่จะพัฒนาต่อจากนี้ บริษัทวางเป้าหมายจะพัฒนาอีก 6 โครงการใหม่ มูลค่า 5 พันล้านบาท ภายใต้การพัฒนาโครงการ แบรนด์ฮอลล์มาร์ค จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 2 พันล้านบาท แบรนด์ชีวารมณ์ บ้านเดี่ยว หรือบ้านแฝดขนาดใหญ่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่า 1.5 พันล้านบาท แบรนด์ฮอลล์ไลท์ จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 800 ล้านบาท แบรนด์ชีวาโฮม จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาทปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดหา จัดเตรียมพื้นที่ อย่างไรก็ดีอาจจะเห็นการพัฒนาโครงการบางโครงการภายในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะเป็น 2566 เป็นต้นไป

          นายธนิศร กล่าวต่อว่า บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและปิดโครงการไปแล้วรวมทั้งหมด 26 โครงการ มูลค่ารวม 2.49 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและรอโอนกรรมสิทธิ์ 2 โครงการ โครงการอยู่ระหว่างรอขายจำนวน 16 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่น ล้านบาท และปิดโครงการไปแล้วจำนวน 8 โครงการ มูลค่า 7.35 พันล้านบาท

          ภาพอสังหาฟื้นตัว

          บริษัทมองภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ช่วงที่เหลือต่อจากนี้จะค่อยๆ ฟื้นตัว จากการเปิดประเทศ และการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพราะรายได้จากท่องเที่ยวถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ หากท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับ คาดจะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามไปด้วย

          อนึ่ง ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 306.71 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 51.02 % จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 626.25 ล้านบาท โดยรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 191.97 ล้านบาท คิดเป็น 64 % ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 60.12% เนื่องจากไม่มีคอนโดใหม่ที่เริ่มรับรู้รายได้ ในไตรมาสนี้ ส่วนรายได้จากโครงการแนวราบ จำนวน 106.70 ล้านบาท คิดเป็น 36% ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 21.57% บริษัทมีรายได้อื่นๆ จำนวน 8.04 ล้านบาท คิดเป็นของรายได้รวม

          และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 0.08 ล้านบาท ลดลง 99.73% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่บริษัทมีกำไร 30.03 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากผลกระทบจากการก่อสร้างที่ล่าช้าลงบางโครงการในช่วงการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ก่อนหน้านี้ ต้องเลื่อนการรับรู้รายได้ของโครงการดังกล่าวเป็นช่วงไตรมาส 2/2565

ที่มา: