ASW ปีหน้ามีโอน 2.3 หมื่นล. ปักหมุดอัพฐานภูเก็ตเต็มสูบ

20 ธ.ค. 2566 190 0

 

         

             ASW ชูปีนี้เป็นปีทองมีโครงการสร้างเสร็จใหม่โอนถึง 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,530 ล้านบาท เผยไตรมาส 4/2566 อีก 4 โครงการ มูลค่า 6,400 ล้านบาท และจะสร้างเสร็จทยอยโอนเพิ่มในปีหน้าอีก 10 โครงการ มูลค่ารวม 23,177 ล้านบาท เผยปี 2567 วางแผนรุกตลาดภูเก็ตเต็มสูบ

           นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้ถือเป็น ปีทองของบริษัท เนื่องจากมีโครงการใหม่ ที่ทยอยสร้างเสร็จเพื่อโอนกรรมสิทธิ์รวมทั้งสิ้นถึง 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,530 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการใหม่ที่กำหนดสร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/2566 จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 6,400 ล้านบาท

          ได้แก่ โครงการเคฟ โคโลนี (Kave Colony) ซึ่งมียอดขาย 100% มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท จุดเด่นคือทำเลใกล้ ม.กรุงเทพ และส่วนกลางจัดเต็มกว่า 30 รายการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ รวมถึงผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนระยะยาว, แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช (Atmoz Oasis Onnut) มูลค่า 2,200 ล้านบาท, แอทโมซ โฟลว์ มีนบุรี (Atmoz Flow Minburi) มูลค่า 1,350 ล้านบาท และ ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueng Changwattana) มูลค่า 1,050 ล้านบาท

          ปีหน้ามีโอน 10 โครงการ

          นอกจากนี้ บริษัทยังมีโครงการที่จะก่อสร้างเสร็จพร้อมทยอยโอนต่อเนื่องในปีหน้าอีก 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 23,177 ล้านบาท ซึ่งจากแผนงาน ดังกล่าว สะท้อนได้ถึงศักยภาพของ ASW ซึ่งมั่นใจได้ว่าบริษัทมีภาพการเติบโต และแผนการรับรู้รายได้ที่ต่อเนื่องและเข้มแข็ง

          ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ได้ปรับเพิ่มเป็น 15 โครงการ มูลค่ารวม 30,260 ล้านบาท จากแผนเดิม 12 โครงการ มูลค่ารวม 22,500 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต โดยแผนงานไตรมาส 4/2566 พร้อมเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 15,100 ล้านบาท ได้แก่ 1.เคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland) มูลค่า 2,550 ล้านบาท จะเริ่มเปิดให้ชมห้องตัวอย่างปลายเดือนธันวาคมนี้

          2.แอทโมซ แคนวาส ระยอง(Atmoz Canvas Rayong) 674 ยูนิต มูลค่า 1,250 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC 3.โมดิซ โวยาด ศรีนครินทร์ (Modiz Voyage Srinakarin) มูลค่า 2,600 ล้านบาท 4.โครงการ ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) มูลค่ากว่า 4,200 ล้านบาท และ 5.เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา(The Title Legendary Bang-Tao) มูลค่า 4,500 ล้านบาท

          “โครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในตลาดอสังหาภูเก็ต ภายหลัง จัดงาน Agent Day สามารถปิดการขายผ่านเอเยนต์ในเฟสแรกกว่า 300 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าราว 2,000 ล้านบาท ในเพียงวันเดียว จึงเชื่อมั่นว่าอสังหา ภูเก็ตยังเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

          รุกอสังหาภูเก็ตเต็มสูบ

          อย่างไรก็ดี บริษัทคาดการณ์ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามจีดีพีที่คาดว่าจะขยายตัว 2.8-3.3% เพราะภาพรวมอสังหาเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณบวกจากปัจจัยต่างๆ ทั้ง สงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ที่ไม่ได้ขยายวง อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยที่เริ่มทรงตัว รวมทั้งแรงส่งของการบริโภคภาคเอกชนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ของภาครัฐที่กำลังทยอยออกมา อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ 2567, โครงการ Digital Wallet เป็นต้น รวมถึงแรงซื้อจากชาวต่างชาติที่กลับเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต เป็นต้น

          “ปี 2567 บริษัทเตรียมขยายการลงทุนโครงการอสังหา ในจังหวัดภูเก็ต ผ่านบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE และ บริษัท โบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว จำกัด หรือ BGA เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของ ชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยว และ คนทำงานในจังหวัดภูเก็ต” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

 

 

ที่มา: