DHOUSE ปักหมุดขอนแก่นบุ๊กที่ดินใหม่เข้าพอร์ต300ไร่

18 ต.ค. 2566 189 0

 

          DHOUSE ยึดหัวเมืองใหญ่ภาคอีสาน บอร์ดอนุมัติซื้อหุ้น “แอสเซท กรุ๊ป ขอนแก่น” ตุนที่ดินกว่า 300 ไร่ ลุยพัฒนาอสังหาวางงบลงทุนปีละ 40-50 ล้านบาท ฟากบอสใหญ่ “พงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร” เร่งเครื่องดันงบพลิกบวก ตุนแบ็กล็อกรอโอน 30 ล้านบาท โชว์โครงการรอขาย 1.5 พันล้านบาท

          นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ DHOUSE ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคาม ประเภทที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์เพื่อขายหลากหลายรูปแบบ อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ และอาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติอนุมัติให้เข้าซื้อหุ้นสามัญ บริษัท แอสเซท กรุ๊ป ขอนแก่น จำกัด (AGKK) ในสัดส่วน 100% ส่งผลให้ AGKK จะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท

          ที่ดินแน่น 300 ไร่

          ทั้งนี้ AGKK ประกอบธุรกิจถือครองอสังหาริมทรัพย์ ถือครองที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดขอนแก่น โดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินจำนวน 61 แปลง รวมเป็นพื้นที่ 299 ไร่ 1 งาน 24.8 ตารางวา

          สำหรับการได้มาของ AGKK จะทำให้บริษัทมีที่ดินรอพัฒนาโครงการได้อีกหลายแห่ง สำหรับโลเคชั่นและแผนการขยายโครงการ คาดจะเป็นแผนปี 2567 และคงเป็นการพัฒนาโครงการแนวราบ เพราะมีที่ดินหลายแปลง และอาจจะเข้าเก็บที่ดินเพิ่มเติมบางส่วน คาดจะแบ่งพัฒนาโครงการแนวราบทีละเฟส

          เบื้องต้นบริษัทคาดจะใช้เงินลงทุนสำหรับพัฒนาโครงการเฉลี่ยปีละ 40-50 ล้านบาท และหากดูจากจำนวนที่ดีราว 300 ไร่ คาดจะมีมูลค่าโครงการสูง แต่ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้ประเมินมูลค่าโครงการทั้งหมด ขณะเดียวกันขอนแก่นเป็นเมืองหัวเมืองหลักของภาคอีสาน ซึ่งพันธกิจ ของ DHOUSE มีแพลนที่จะขยายไปจังหวัดรอบๆ พื้นที่ที่บริษัทพัฒนาโครงการอยู่แล้ว และขอนแก่นเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่บริษัทต้องการขยาย

          ทิศทางโค้งท้าย

          นายพงศ์พจน์ กล่าวต่อว่า ทิศทาง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ คาดจะดีต่อเนื่องจากที่ผ่านมา เพราะดูจากยอดขายรวม ณ 6 เดือนปี 2566 เติบโตสูงกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน ส่วนปัจจุบันเหลือเวลาดำเนินงานอีก 2-3 เดือน ซึ่งบริษัทจะพยายามผลักดันรายได้ให้เติบโตเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทคาดผลประกอบการมีโอกาสจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ อนึ่ง 6 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมีรายได้แล้วที่ 70.50 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 7.76 ล้านบาท

          ปัจจุบันบริษัทมียอดรอโอนกรรมสิทธิ์ หรือ Backlog อยู่ที่ 30 ล้านบาท ซึ่งจะเดินหน้าโอนกรรมสิทธิ์ให้ในช่วงที่เหลืออย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีโครงการที่รอขายทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่า 1.5 พันล้านบาท ประกอบไปด้วย โครงการ GRAND BIZ โครงการ GRAND CANAL โครงการพฤษภิรมย์ และโครงการ U-Park

          ด้านกำลังซื้อผู้บริโภคในจังหวัดมหาสารคาม อาจจะทรงตัว เพราะรอดูความชัดเจนจากจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ อีกทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังคงจับตานโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหม่ ทำให้กำลังซื้อไม่ได้ฟื้นตัวหวือหวา มากนัก

          ขณะที่การแข่งขันอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดมหาสารคาม ยังคงดุเดือด และมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาหลังจบโควิด แต่บริษัทไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผู้เล่นรายใหม่ เพราะบริษัทมีจุดแข็งด้านต้นทุนที่ดิน หรือแลนด์แบงก์สำหรับพัฒนาโครงการใหม่ ปัจจุบันบริษัทใช้ที่ดินพัฒนาโครงการไปเพียง 30% ของแลนด์แบงก์ทั้งหมด และมีที่ดินพร้อมพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต ซึ่งมีต้นทุนต่ำ

 

ที่มา: