BAANIA บิ๊กดาต้าอสังหาเทคข้อมูลล้วงลึกพฤติกรรม

19 ส.ค. 2565 326 0

 

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า “บิ๊กดาต้า” หรือ “ฐานข้อมูลขนาดใหญ่” คือ เข็มทิศในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบัน จากการนำไปวิเคราะห์หา Insight ผู้บริโภคเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้อย่างตรงจุด

          ซึ่ง บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด หรือ BAANIA เข้าใจความสำคัญ และเดินหน้าในการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Lernning มาอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปี จนกล่าวได้ว่า เป็นฐานข้อมูลคุณภาพขนาดใหญ่ที่สุด ณ ขณะนี้

          “อัญชนา วัลลิภากร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด ยอมรับว่าเส้นทางของบริษัทเริ่ม จากตัวเองเป็นผู้ที่ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์ มากกว่า 20 ปี มีการทำวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคมาโดยตลอด กระทั่ง 5 ปีที่ผ่านมาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ผู้บริโภคสนใจหาข้อมูลออนไลน์ สมาร์ทโฟนเร่งสปีดขึ้น ขณะที่ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีขนาดใหญ่ มูลค่า ปีละ 9 แสนล้านบาท มีการขอสินเชื่อปีละ 7 แสนล้านบาท ยังเป็นธุรกิจโลกเก่า

          จึงตัดสินใจเข้ามาทำ “เรียลเอสเตท บิ๊กดาต้า” เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะดำเนินการขายดาต้าและพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปด้วย

          ทำให้ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย “ดาต้า เซอร์วิส” ซึ่งเป็น Intelligent Platform สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการลงทุน ทั้งสภาพ ตลาด การแข่งขัน เพราะบริษัทเก็บข้อมูล 200 พฤติกรรม สนใจอะไรกลับมา ดูซ้ำหรือไม่ สินค้าแบบไหน ทำเลใด ระดับราคาเท่าไร แบบบ้านเป็นอย่างไร มีข้อมูลสภาวะตลาด ข้อมูลการขาย การขึ้นโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ความต้องการของตลาดที่เกี่ยวข้อง ทั้งตลาดที่อยู่อาศัยใหม่ ตลาดมือสอง และตลาดผู้เช่า

          โดยข้อมูลของบริษัทจะแบ่งเป็น 2-3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ มีกว่า 2 หมื่นโครงการย้อนหลัง มีคุณภาพข้อมูลสูง 2. ข้อมูลผู้บริโภคมีถึง 10 ล้านแอคเคาต์ และ 3.ข้อมูลสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สภาวะแวดล้อมที่อยู่อาศัย ปัจจุบันบริษัทมี ดาต้า เซอร์วิส ครอบคลุม 26 จังหวัด

          บริษัทยังมีผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี เซอร์วิส ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขายให้กับกลุ่มสถาบันการเงิน ประกันภัย โดยบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการประเมินราคา โดยใช้ฐานบิ๊กดาต้าของบริษัทและมาร์เก็ตเพลส เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันในการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทยต้องใช้บุคลากรเยอะ และเม็ดเงินจำนวนมาก ดังนั้นเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงานและต้นทุนของสถาบันการเงินได้

          นอกจากนี้บริษัทยังมีระบบการขาย Prop2share ซึ่งมีเอเจนต์ขนาดใหญ่หลายราย ช่วยทำให้การขายสินทรัพย์ให้กับ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ตลอดจนการพัฒนาสินค้าอินโนเวชันอื่นๆ ที่จะช่วยให้ทรัพย์สินรอการขายของสถาบันการเงินต่างๆ ขายง่าย โดยมีระบบเข้าไปจัดการทรัพย์สินด้วย

          บริษัทยังมีมาร์เก็ตเพลส เซอร์วิส ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มตัวกลางเชื่อมระหว่าง ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ หรือสถาบันการเงิน โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงตรวจสอบพฤติกรรมเพื่อเปิดโอกาสการขายที่มีความแม่นยำ

          โอกาสใหญ่ในอนาคต

          สำหรับโอกาสธุรกิจในส่วนของ บิ๊กดาต้า ยอมรับว่า สูงมาก ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทคือสถาบันการเงิน และมีผู้ประกอบการบางส่วน ซึ่งการสร้างความเข้าใจให้ผู้ประกอบการเห็นข้อดีนับเป็นโอกาส ในส่วนของผู้บริโภคนั้นปีนี้บริษัทก็จะเริ่มเปิดบริการตอบสนองความต้องการเช่นเดียวกัน

          ที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าร่วมอบรมในหลักสูตร LiVE Acceleration Program ซึ่งให้ความสำคัญกับสตาร์ทอัพค่อนข้างสูง เปิดโอกาสการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ ได้ความรู้ มีระบบการทำงานที่เป็นมาตรฐาน

          ส่วนเส้นทางจากนี้ด้วยความที่บริษัทเป็นสตาร์ทอัพมีการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนด้านเทคโนโลยี เช่น คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล ผู้ก่อตั้งกองทุน 500 TukTuks นอกจากนี้ยังมี ธนาคารกรุงศรี ปตท. TQM  กองทุนเอสเอ็มอี กรุงไทย ตลาดหลักทรัพย์ มาร่วมด้วย ซึ่งยังเห็นโอกาสในการพัฒนาต่อยอดทั้ง 3 บริการในปัจจุบันได้อีกมาก

          โดยบริษัทยังคงเดินหน้าในการเก็บข้อมูลสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน วัด ตลาด เพื่อที่จะได้ข้อมูลชุมชนที่ลึกที่สุด และรับทราบพฤติกรรมประชาชนในแต่ละสถานที่ และในอนาคตอาจจะเห็นการใช้ประโยชน์ที่สูงขึ้นนอกจากบ้านใหม่แล้ว ตลาดบ้านมือสองก็สามารถใช้ดาต้ากับเทคโนโลยีนี้ด้วยเช่นกัน

 

ที่มา: