เศรษฐกิจไทยปีหน้าเงินเฟ้อสูงดอกเบี้ยแพงบาทอ่อน

25 ต.ค. 2565 329 0

          นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และ ที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปหลังธนาคารกลางเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง “มองว่าธนาคารกลางจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีหน้า ไม่น่าเห็นการปรับมุมมองมาลดดอกเบี้ย อย่างที่นักลงทุนหวังกัน เพราะเงินเฟ้อปีหน้ายังสูงกว่ากรอบนโยบายการเงินที่ 2% แม้จะต้องโดนวิจารณ์จากฝั่งการเมืองที่ได้แรงกดดันจากคนที่ว่างงานและการบริโภคและการลงทุนที่หดตัวก็ตาม แต่ธนาคารกลางทั้งหลายยังไม่น่ายอมถอยจากการขึ้นดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ยในระดับสูงลากยาว จนกว่าเงินเฟ้อจะยอมลดลง จริงๆ เสียที ซึ่งน่าจะเห็นได้ในปี 2567 หลังฐานที่ยังสูงในปี 2566 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้ากรอบได้ในปีถัดไป” นายอมรเทพ กล่าว
สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.2% ปีนี้ และ 3.4% ปีหน้า อย่างไรก็ดี การที่เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยเล็กน้อย ก็มีผลให้เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายในปีหน้าในด้านต่างๆ เช่น การส่งออกติดลบ กำลังซื้อสินค้าอุตสาหกรรมไทย จากสหรัฐและยุโรปมีแนวโน้มชะลอลง กำลังซื้อระดับล่าง SMEs ต่างจังหวัด ภาคเกษตรอ่อนแอ ปัญหาเงินเฟ้อสูงมีแนวโน้มลากยาวไปปีหน้า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) น่าจะทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปจนถึงระดับ 2.00% เป็นอย่างน้อยภายในช่วงกลางปีหน้า ขณะที่สหรัฐน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแตะระดับ 5.00% เป็นอย่างน้อยช่วงกลางปีหน้าเช่นกัน ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงกว่าไทยมาก น่าจะส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายกลับไปถือสินทรัพย์รูปดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนให้บาทอ่อนค่าต่อเนื่องไปถึงกลางปีหน้า

          อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัวขึ้นจากการที่คนทั่วไปเว้นว่างจากการท่องเที่ยวเป็นเวลานาน เมื่อเปิดให้มีการเดินทางได้เสรีมากขึ้น โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย อาจเห็นการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่อเนื่อง คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะ มากถึง 20 ล้านคนในปีหน้า เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากที่คาดไว้ที่ 10 ล้านคนปีนี้

          ขณะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ดีขึ้นหลังเปิดเมืองช่วงกลางปีที่ผ่านมา และน่าสนับสนุนกิจกรรมเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อเนื่อง เพียงแต่การฟื้นตัวรอบนี้ยังขาดการกระจายตัว เพราะกลุ่มที่ได้ประโยชน์เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองจังหวัดท่องเที่ยว สำคัญ และกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีทุนทรัพย์พร้อมปรับปรุงกิจการ ลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยี และเชื่อมกับการค้าโลก อีกทั้งไทยไม่มีปัญหาด้านการว่างงาน ซึ่งสนับสนุนกำลังซื้อจากมนุษย์เงินเดือน ที่มีฐานะให้จับจ่ายใช้สอยได้ต่อเนื่อง
ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตช้าและมีความเสี่ยงสารพัดธุรกิจขนาดเล็กควรมองช่องทางตุนสภาพคล่องไว้ใช้ยามจำเป็น มีเงินทุนหมุนเวียนได้ระยะหนึ่งหากขาดรายได้ ช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ การมีกระแสเงินสดที่ดี จะช่วยให้กิจการฟื้นกลับมาได้เร็วเมื่อกำลังซื้อ ของคนดีขึ้น และไม่ต้องปิดกิจการไปเสียก่อน และไม่ควรสต๊อกสินค้ามากเกินไป แม้สต๊อกสินค้าตอนนี้อาจจะช่วยลดภาระต้นทุนสูงในอนาคต แต่จากความผันผวนด้านวัตถุดิบ และการลดรายจ่าย เสริมกระแสเงินสด การสต๊อกสินค้า เท่าที่จำเป็นและบริหารต้นทุนเป็นทางเลือกที่ดีช่วงที่ความไม่แน่นอนมีสูง นอกจากนี้ SMEs ควรพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุน เปิดโอกาสขยายตลาดออนไลน์ และหาพันธมิตรกับธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อเกาะกลุ่มลูกค้าที่เติบโตได้ดี

          ส่วนประชาชนทั่วไป มีความไม่แน่นอนทางรายได้ มีผลต่อความเชื่อมั่น คนลดการใช้จ่ายสินค้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมเงิน แต่หากคนกู้อยู่ในกลุ่มที่เศรษฐกิจเติบโตได้ในปีหน้า สามารถ กู้ลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำเล ที่ดีได้ เพราะราคายังไม่ปรับขึ้นมาก ส่วนการกู้ซื้อรถยนต์อาจมองหารถยนต์มือสองสภาพดีราคาถูก เป็นทางเลือกที่ดีในภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูง

ที่มา: