เพอร์เฟค รุกตลาดกลาง-ล่างผนึกฮ่องกงแลนด์ลุยบ้านหรู

20 มิ.ย. 2565 716 0

          เพอร์เฟคแก้เกมตลาดกลาง-ล่างกู้ไม่ผ่านผนึกฮ่องกงแลนด์ลุยบ้านหรูเงินเฟ้อสูงกลายเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภคระดับกลาง-ล่างที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้น! สวนทางกับตลาดบ้านระดับบนดีเวลลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่ “เพอร์เฟค” ร่วมกับ “ฮ่องกงแลนด์” จับตลาดบ้านหรูราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป

          นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดบ้านเดี่ยวในปี 2565 คาดมูลค่า 127,888 ล้านบาท ขยับจากปี 2564 มีมูลค่า 121,574 ล้านบาท โดยบ้านเดี่ยวระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 36% เป็น 37% มีมูลค่าอยู่ที่ 47,017 ล้านบาท ขณะที่ตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท มีสัดส่วน 30% มูลค่า 38,304 ล้านบาท แต่ปัญหาคือกลุ่มลูกค้าในตลาดกลางระดับราคา 5-10 ล้านบาท และตลาดล่าง ราคา 3-5 ล้านบาท ถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง ตรงข้ามกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับบน ราคา 10-20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเป็นเหตุผลให้บริษัทหันมาโฟกัสตลาดบ้านเดี่ยวราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ กู้น้อย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนไทยที่มีรายได้สูงจากการประกอบอาชีพยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ สตาร์ทอัพ อายุไม่เกิน 40 ปี หรือกลุ่มนักธุรกิจจีนที่มาลงทุนในไทย ที่มีรายได้มั่นคง ต้องการบ้านในย่านบางนา-สุวรรณภูมิ

          อย่างไรก็ตาม พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ร่วมกับ ฮ่องกง แลนด์ พัฒนาโครงการบ้านหรู “เลค เลเจนด์ บางนา-สุวรรณภูมิ” มูลค่า 6,300 ล้านบาท ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ บนที่ดิน 83 ไร่ จำนวน 127 ยูนิต มีจุดขายทะเลสาบขนาดใหญ่ 100 ไร่ คอนเซปต์ Modern Italian Lakeside Villa ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากทะเลสาบโคโม่ ประเทศอิตาลีจากการเปิดตัวช่วงพรีเซลทำยอดขายได้ 1,000 ล้านบาท ประมาณ 12 ยูนิต 70% ซื้อในรูปของบริษัท ที่เหลือเป็นคนไทย อายุไม่เกิน 40 ปี ประกอบอาชีพยูทูเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ สตาร์ทอัพ สะท้อนถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีผ่านมา และยังคงเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายเฉพาะสินค้าในกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปไว้ที่ 5,320 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11% ของมูลค่าตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน

          ส่วนครึ่งปีหลังนี้ เพอร์เฟคฯ เตรียมเปิด 9 โครงการใหม่มากกว่าครึ่งปีแรกที่เปิดตัวไป 4 โครงการ โดยยอดขายครึ่งปีแรกอาจทรงตัวหรือต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากการแข่งขันตลาดบ้านแนวราบที่รุนแรงและกำลังซื้อเพิ่งฟื้นตัว ซึ่งไตรมาสแรก บริษัทมียอดขาย 3,600 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ 18,500 ล้านบาท ตลาดอสังหาฯ ขณะนี้แม้จะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังคงมีปัจจัยลบที่มีผลมาจากเงินเฟ้อกระทบต้นทุนพลังงาน ราคาสินค้ามีผลให้ค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น 7-10% คาดว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ผู้ประกอบการอสังหาฯ จำเป็นต้องปรับราคาขายขึ้นอย่างน้อย 5% ซึ่งทยอยปรับราคาแบบขั้นบันได ดังนั้นช่วงเวลานี้ ถือเป็นโอกาสสุดท้ายในการซื้อที่อยู่อาศัยก่อนปรับราคา นอกจากนี้ในแต่ละเซกเมนต์ราคาปรับขึ้นแตกต่างกันขึ้นอยู่ความอ่อนไหวของกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่มตลาดล่าง

ที่มา: