อสังหาฯ ระส่ำธนาคารเมินปล่อยสินเชื่อ

18 ส.ค. 2566 279 0

 

          พิษ ‘สตาร์ค’ ฉุดความเชื่อมั่น-บริษัทออกหุ้นกู้ใหม่ยาก

          เอพี หวั่นกรณีหุ้นกู้บริษัทอสังหาริมทรัพย์-สตาร์ค เป็นระเบิดลูกใหญ่ ฉุดความเชื่อมั่นแบงก์ปล่อยกู้-บจ.ออกหุ้นกู้ใหม่ยาก หวั่นจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยืดเยื้อถึงปลายปี กระทบเบิกจ่ายปีงบประมาณ 2567

          นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี ไทยแลนด์ เปิดเผยว่าจากหลายกรณีที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ที่มีการออกตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ เพื่อมาใช้ในธุรกิจแทนการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งไม่เฉพาะที่เกิดขึ้นกับกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังรวมถึงอุตสาหกรรมอื่น อาทิ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) แต่เมื่อบริษัทประสบปัญหาผิดนัดชำระหุ้นกู้ สิ่งที่เกิดตามมารุนแรงมาก คือ ธนาคารพาณิชย์เริ่มไม่มั่นใจและให้สินเชื่อยากขึ้น

          นอกจากนี้ การจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ล็อตเก่าที่ครบกำหนดก็จะทำได้ยาก เพราะนักลงทุนรายย่อยเริ่มไม่เชื่อมั่นแล้ว ซึ่งกรณีนี้หากเกิดกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และส่งผลให้ขอสินเชื่อไม่ได้ การทำธุรกิจก็จะลำบากขึ้น เพราะลำพังตัวธุรกิจเองต้องเผชิญกับลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารสูงอยู่แล้ว และปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงทำให้ลูกค้าขอสินเชื่อยากด้วย อีกทั้งการขอสินเชื่อของผู้ประกอบการก็ยังยากขึ้นอีก น่าห่วงว่าจะสร้างความวุ่นวายลุกลาม

          “อยากฝากให้คิดง่ายๆ ก่อนหน้านี้มีบจ.ขนาดกลางหลายบริษัท ใช้โอกาสในการออกหุ้นกู้เพื่อมารันธุรกิจและเมื่อครบกำหนดไถ่ถอนก็จะออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อใช้คืนหุ้นกู้ชุดเดิม แต่เมื่อมีหลายกรณีเกิดขึ้น ทำให้ไม่สามารถออกหุ้นกู้ใหม่ได้ แต่วันดีคืนดีจะหันไปขอเงินกู้จากแบงก์ ทั้งที่ผ่านมาไม่ค่อยได้กู้แบงก์มานาน ถ้าแบงก์ไม่ให้กู้แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ซึ่งผมห่วงว่ามันจะวุ่นวายหรือไม่ ถือเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ต้องระวังให้ดี”

          สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัว โดยเฉพาะยอดโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ปกติ เนื่องจากมีการเร่งซื้อเร่งโอนช่วงปลายปี 2565 ก่อนหมดมาตรการผ่อนปรน สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (แอลทีวี) ขณะที่ครึ่งปีหลังถ้าเศรษฐกิจดี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ไปต่อได้ แต่หากการจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อไปถึงปลายปี การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 กระทบแน่นอน

          ประกอบกับการส่งออกติดลบ ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนฐานเริ่มสูงแล้ว ในระยะถัดไปภาคการท่องเที่ยวไทยคงไม่โตไปมากกว่านี้แล้ว ดังนั้นจะไปคาดหวังตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนอย่างเดียวคงยากขึ้น อีกทั้งระยะหลังตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ งบลงทุนภาครัฐ ดังนั้นเมื่อยังจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ งบประมาณก็ไม่สามารถเบิกจ่ายออกมาใช้ได้ มองแล้วภาคเอกชนก็อาจจะเหนื่อยขึ้น

          “เอกชนไม่ได้สนใจว่าใครจะมารันประเทศ เพียงแต่ขอให้คนที่เข้ามาเป็นรัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใส่เงินถูกที่ถูกทาง มีนโยบายถูกที่ถูกทาง ดังนั้นเครื่องจักรเดียวที่ยังเป็นความหวังได้คือ  การลงทุนภาครัฐ จึงอยากให้จัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จในเร็ววัน”

 

ที่มา: