ย้ำแบงก์ทยอยขึ้นดอกเบี้ย

05 ส.ค. 2565 452 0

          นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ที่ประชุม กกร.มีความเห็นสอดคล้องกัน กรณีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ว่า เป็นไปตามปัจจัยด้านเศรษฐกิจ รวมถึงแนวทางของนโยบายการคลังและความจำเป็นในการรักษาสมดุลด้านนโยบายในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยกำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งการพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน จะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เพื่อประคองไม่ให้เกิดการ กระตุก และต้องประคองการฟื้นตัวให้เศรษฐกิจ รวมทั้งต้องดูแลลูกค้าทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งลูกค้าเงินกู้ และเงินฝาก ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยของแต่ละแบงก์พิจารณาจากโครงสร้าง และต้นทุนของแต่ละแห่ง

          ขณะเดียวกัน กกร.ได้คงการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีปี 65 เท่าเดิมที่ 2.75-3.5% ขณะที่มูลค่าการส่งออกปรับขึ้น 6-8 % จากเดิม 5-7% และปรับเงินเฟ้อเป็น 5.5-7.0% จากเดิม 5-7% ซึ่งที่ประชุมครั้งนี้ ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และผู้แทนการค้าไทย มาให้ข้อมูลการขับเคลื่อนการฟื้นตัวประเทศ ให้เติบโตยั่งยืน ด้วย 5 มาตรการหลัก ซึ่ง กกร.มองว่า เป็นเรื่องจำเป็นในการช่วยขับเคลื่อนประเทศในอนาคต  เช่น ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีวี มีเป้าหมายสร้างจีดีพี 2.1 แสนล้านบาท, สมาร์ท อิเล็กทรอนิกส์ มีเป้าหมายสร้างจีดีพี 5 แสนล้านบาท เป็นต้น

          ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบต้นทุนแน่นอน แต่เชื่อว่าธปท.จะไม่ขึ้นอย่างร้อนแรง สิ่งที่กังวลมากกว่า คือ เศรษฐกิจทรุดตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคหายไปมากกว่า ส่วนการปรับขึ้นค่าไฟนั้นจะกระทบกับภาคอุตสาหรกรมเช่นกันโดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก

          นายพิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บล.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโต 3.3% จากการฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การส่งออกที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก การท่องเที่ยวดีกว่าที่คาด และรายได้ภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้นตามราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น แต่เศรษฐกิจไทยมีความน่ากังวลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึงอย่างชัดเจน และหลายภาคเศรษฐกิจยังไม่กลับไปในระดับก่อนเกิดปัญหาโควิด

ที่มา: