ธอส.ขยาย บ้านล้านหลัง
ธอส.เล็งขยายโครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 อีก 3 ปี เพิ่มวงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท ลดดอกเบี้ยต่ำกว่า 3% ช่วยผู้มีรายได้น้อย คาดเสนอบอร์ดเคาะไม่เกินไตรมาส 2 ปีนี้ มั่นใจดีมานด์สูง
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) กล่าวว่า ธอส. อยู่ระหว่างพิจารณาต่อโครงการ “บ้านล้านหลัง” โดยจะเสนอขยาย 3 ด้าน ด้านแรกขยายกรอบ วงเงินจากโครงการบ้านล้านหลัง เฟสแรก วงเงิน 50,000 ล้านบาท อีกปีละ 12,000 ล้านบาท ตลอด 3 ปี หรือ 36,000 ล้านบาท ด้านต่อมาขยายระยะเวลาโครงการจากเดิมที่จะสิ้นสุด ณ สิ้นปี 2564 นี้ อีก 3 ปี เป็นปี 2565-2567
ด้านที่ 3 ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในโครงการ จากเดิมดอกเบี้ยคงที่ 1-5 ปีแรก ที่ 3% สำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน และ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1-3 ปี สำหรับผู้มีรายได้เกิน 25,000 บาทต่อเดือน เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ที่ต่ำกว่า 3% เพื่อให้สอดคล้องกับดอกเบี้ยในตลาดปัจจุบันที่อยู่ระดับต่ำไม่เกิน 3%
การลดดอกเบี้ยจะมีส่วนช่วยผู้กู้ได้ค่อนข้างมาก เพราะช่วยลดอัตราการผ่อนชำระต่อเดือนให้เหลือเพียง 2,000 กว่าบาทเท่านั้นต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท จากเงื่อนไขที่การผ่อนชำระบนอัตราดอกเบี้ยคงที่เดิม 3 ปี ที่ระดับ 3% จะทำให้ผู้ผ่อนชำระผ่อนบ้าน ต่อเดือนอยู่ที่กว่า 3,000 บาท
การขยาย 3 เงื่อนไขโครงการบ้านหลังแรก เฟส 2นี้ หลักๆก็เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้สามารถมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น ปิดแก็ปความเหลื่อมล้ำของผู้มีรายได้น้อยให้ลดลง ได้ อีกทั้งยังสนับสนุนให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น และ ผ่อนชำระค่างวดบ้านในอัตราที่ต่ำลง
โดยเบื้องต้น คาดว่าจะนำข้อเสนอดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร หรือบอร์ด ได้ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ และหลังจากบอร์ดมีการอนุมัติ ปรับเงื่อนไขต่างๆเรียบร้อยแล้ว คาดว่าช้าที่สุดน่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้พิจารณาและอนุมัติได้ไม่เกินไตรมาส 3 ปีนี้ ก่อนที่โครงการจะหมดอายุในสิ้นปีนี้
“การขยายโครงการเป็นภาระงบประมาณที่รัฐบาลต้องชดเชยดอกเบี้ย หากโครงการนี้ได้รับการอนุมัติ จะทำให้โครงการนี้มียอดวงเงินรวมกว่า 8 หมื่นล้านบาท”
สำหรับการขอสินเชื่อในโครงการ บ้านล้านหลัง ยอดล่าสุดถึงกลางเดือนมี.ค.2564 มียอดอนุมัติสินเชื่อแล้ว 35,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 47,000 บัญชี คิดเป็นยอดการปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 900 ล้านบาท
ทั้งนี้สำหรับบ้านที่มีอยู่ในตลาด ที่ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท เชื่อว่ามีค่อนข้างมาก กระจายอยู่ในทุกจังหวัด เนื่องจากระยะหลังเริ่มมีผู้ประกอบการที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI มีการลงทุนก่อสร้างบ้าน คอนโด ไม่เกิน 1.2 ล้านบาทมากขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าบ้านหรือคอนโดในตลาดมีเพียงพอ ในการรองรับดีมานด์ของผู้ขอสินเชื่อแน่นอน
นายฉัตรชัย กล่าวว่า หากดูการผ่อนชำระ ของกลุ่มผู้ได้สินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง พบว่า ฐานะปกติ ทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลของธนาคารไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอยู่เพียงระดับเกือบ 4% ซึ่งก็สะท้อนกว่ากลุ่มลูกค้าธอส. ส่วนใหญ่ยังเป็นลูกค้าที่ดี ที่สามารถชำระหนี้ได้ปกติ
อีกทั้งธอส.ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ หลายโครงการ เพื่อรองรับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 เพื่อให้ลูกหนี้สามารถผ่านช่วง วิกฤติไปแล้ว ทำให้หนี้เสียในอนาคตของธอส. มีแนวโน้มลดลงต่ำกว่า 4%
ทั้งนี้หากดูลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการ ช่วยเหลือ ในเฟส 2 ปัจจุบันอยู่ที่ราว 9.8 หมื่นล้านบาท กลุ่มนี้ธนาคารช่วยเหลือโดยมีการให้ผ่อนชำระลดลงเหลือราว 25% ของงวดชำระเดิม ซึ่งพบว่ากว่า 90% สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด อย่างไรก็ตามธนาคารจะพิจารณาเพิ่มเติม ในการให้การช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่ม โดยอาจขยับการผ่อนชำระเพิ่มมาเป็น 40% ต่อไปอีก 2 ปี
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ