ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจก.ค.ร่วงก่อสร้าง-อสังหาฯต่ำเป็นประวัติการณ์

02 ส.ค. 2564 761 0

          ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (REPORT ON BUSINESS SENTIMENT INDEX) ในเดือนกรกฎาคม 2564 พบว่า ดัชนีฯปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 41.4 จาก 46.5 ในเดือนก่อน ตามการปรับลดลงในทุกองค์ประกอบและเกือบทุกธุรกิจ นำโดยกลุ่มผลิตเหล็กที่ความเชื่อมั่นปรับลดลง ต่อเนื่องมาอยู่ในระดับต่ำ จากคำสั่งซื้อที่ชะลอลงตามราคาเหล็กที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ความเชื่อมั่น ด้านผลประกอบการปรับลดลงมาก ขณะที่ความ เชื่อมั่นของกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ปรับลดลงมากและอยู่ในระดับต่ำ จากองค์ประกอบด้านต้นทุน เนื่องจากราคาวัตถุดิบ อาทิ เหล็ก อะลูมิเนียม และพลาสติก ยังอยู่ในระดับสูง

          สำหรับภาคที่มิใช่การผลิต ความเชื่อมั่นของธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ที่ปิดแคมป์คนงานก่อสร้างประกอบกับความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดที่ยืดเยื้อและรุนแรง ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอคำสั่งซื้อ

          ทั้งนี้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯปรับลดลงจากระดับ 49.6 มาอยู่ที่ 47.7 จากความเชื่อมั่นของธุรกิจในภาคที่มิใช่การผลิตที่ปรับลดลงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มขนส่งผู้โดยสาร

          ที่ดัชนีฯปรับลดลงมาต่ำกว่าระดับ 50 อีกครั้ง หลังจากที่ยืนเหนือ 50 ได้ในเดือนก่อน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคการผลิต ปรับลดลงมาต่ำกว่าระดับ 50 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ตามความเชื่อมั่นของกลุ่มผลิตเหล็กที่ปรับลดลงเป็นสำคัญ โดยเป็นการปรับลดลงในทุกองค์ประกอบ นำโดยคำสั่งซื้อจากทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอลงตามราคาเหล็กที่อยู่ในระดับสูง

          ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นด้านสภาพคล่องทั้งในปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงอีกครั้ง และอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 สะท้อนว่าธุรกิจที่เผชิญกับภาวะสภาพคล่อง ตึงตัว มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนทรงตัวอยู่ใน ระดับต่ำ ตามราคาปัจจัยการผลิตหลายรายการที่ยังอยู่ในระดับสูง

          อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการจากตลาดในประเทศต่ำกลับมาเป็นข้อจำกัดหลักสำหรับการดำเนินธุรกิจในเดือนนี้ ขณะที่ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตสูง จากทั้งราคาเหล็กในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง และต้นทุนด้านสาธารณสุขที่สูงขึ้นตามมาตรการควบคุมโรคที่ เข้มงวดขึ้น อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันที่เริ่มลดลง ส่งผล ให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.7%

ที่มา: