คลังยัน1ล้านล้านกระตุ้นศก. มั่นใจกระสุนพอสู้โควิด โอมิครอน

03 ธ.ค. 2564 491 0

           รมว.คลัง ยันเม็ดเงินดูแล ศก.เพียงพอ ปีหน้าอัดอีก 1 ล้านล้าน เข้าระบบกระตุ้นเศรษฐกิจสู้ “โอมิครอน” ยันวินัยการคลังยังดี ล่าสุดแตะ 58.8% ของ GDP อยู่ในกรอบไม่เกิน 70%

          นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Unleashing The Future : A Glimpse into 2022 and Beyond” โดยระบุว่า ในปี 2564 คาดว่าเศรษฐกิจไทย จะขยายตัวได้ราว 1% ซึ่งถือเป็นระดับที่สมเหตุสมผล ส่วนไตรมาส 4 มองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว และมีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่หดตัว -0.3% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาคการส่งออกที่ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ช่วยสนับสนุนอำนาจการซื้อ และลดภาระความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศ ผ่านโครงการคนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น

          รวมทั้งยังมีมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ผ่านมาตรการลดค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้า รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชน ขณะที่การเปิดประเทศยังช่วยสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้ดีขึ้น โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว ซึ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปีนี้

          “ที่ต้องติดตาม คือความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น รวมถึงความเสี่ยงการจากแพร่ระบาดของโอมิครอน ซึ่งที่ผ่านมา ไทยมีประสบการณ์จากอดีต ก็เชื่อว่าจะสามารถนำมาปรับใช้ และช่วยลดผลกระทบ รวมถึงป้องกันสถานการณ์การแพร่ระบาดได้” รมว.คลัง กล่าว

          ส่วนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะต้องวางแนวทางการป้องกันให้ชัดเจน ส่วนหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ก็ต้องทำให้การแพร่ระบาดไม่ส่งผล กระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดังนั้นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดจึงต้องมีความชัดเจน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการจำกัดการแพร่ระบาด และปรับรูปแบบการตรวจหาเชื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาให้เข้มข้นมากขึ้น

          “มาตรการที่จะทำ ต้องคู่ขนานกันระหว่างมาตรการดูแลเศรษฐกิจ และมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ จากสถานการณ์ขณะนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมีความตื่นตัว และให้ความร่วมมือในการป้องกันการแพร่ระบาด และฉีดวัคซีน” นายอาคม กล่าว

          รมว.คลัง ระบุว่า แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ แต่ก็ไม่อยากให้กังวลเรื่องของเม็ดเงินที่ใช้ในการดูแลเศรษฐกิจปี 2565 โดยจะมีเม็ดเงินจากงบประมาณปี 2565 จำนวน 3.1 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบลงทุน 6 แสนล้านบาท และงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีก 3 แสนล้านบาท ขณะที่เงินกู้ตาม พ.ร.ก. กู้เงินโควิดเพิ่มเติม วงเงิน 5 แสนล้านบาท ยังเหลือเม็ดเงินอีก 2.5 แสนล้านบาท รวมกว่า 1 ล้านล้านบาท ที่เตรียมจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในปีหน้า โดยในส่วนเม็ดเงินตาม พ.ร.ก.กู้เงินโควิด เพิ่มเติมนั้น แม้ว่าจะเป็นงบที่เตรียมไว้ใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่หากมีการแพร่ระบาดรอบใหม่ ก็สามารถโยกเม็ดเงินมาใช้ในการเยียวยาได้  ส่วนข้อเสนอภาคเอกชนที่ให้ฟื้นโครงการช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปีใหม่นั้น รมว.คลัง กล่าวเพียงว่า “ขอให้ใจเย็นๆ”

          รมว.คลัง ยืนยันว่าปัจจุบันสถานะทางการคลังของประเทศมีความมั่นคง โดยรัฐบาลยังมีความสามารถในการบริหารจัดการด้านการเงินเพื่อสนับสนุนประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวม ถึงส่งเสริมให้มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างมีศักยภาพ ผ่านการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่สำคัญ โดยการบริหารจัดการด้านการเงินของรัฐบาลยังอยู่ภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง และเป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยในเดือน ต.ค.64 สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศอยู่ที่ 58.8% ของ GDP ยังไม่เกินกรอบเพดานวินัยการคลังที่ 70% ของ GDP

ที่มา: