ครม.ช่วยคนไทยมีที่อยู่ เพิ่มยอดกู้บ้านล้านหลัง

08 มิ.ย. 2565 602 0

          ครม.เห็นชอบปรับเงื่อนไข “บ้านล้านหลังเฟส2” เพิ่มวงเงินกู้เป็น 1.5 ล้านบาท จากเดิม 1.2 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการหาซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับความสามารถในการผ่อนชำระ ภายใต้กรอบวงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท คงอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก เพียง 1.99% ต่อปี เงินงวดคงที่นานถึง 84 งวดแรก

          น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับเงื่อนไขโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2) จากเดิมวงเงินกู้อยู่ที่ 1.2 ล้านบาท เพิ่มเพดานเป็น 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้การดำเนินโครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565 มียอดอนุมัติสินเชื่อแล้ว 12,007 ราย เป็นจำนวนเงิน 12,081 ล้านบาทจากกรอบวงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท

          นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ที่มีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานการประชุมวันนี้ (7 มิ.ย.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ ธอส.ปรับปรุงการกำหนดราคาซื้อ-ขาย / ค่าก่อสร้าง และปรับวงเงินกู้ “โครงการบ้าน ล้านหลัง ระยะที่ 2 “สูงสุดต่อรายต่อหลักประกัน เพิ่มจากเดิมไม่เกิน 1,200,000 บาท เป็นไม่เกิน 1,500,000 บาท เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการหาซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับความสามารถในการผ่อนชำระเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

          ล่าสุด ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2565 มีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลังแล้ว กว่า 94,000 ราย มีลูกค้าที่พร้อมและยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อแล้วจำนวน 17,000 ราย วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท และ ธอส.ได้อนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน 16,000 ราย วงเงินรวม 13,500 ล้านบาท

          โดยสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรกเท่ากับ 1.99% ต่อปี ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี เงินงวดคงที่ 84 งวดแรก (7 ปี) ให้กู้เพื่อซื้อบ้าน หรือ คอนโดฯ (ห้องชุด) ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ บ้านมือสอง (รวมถึงบ้านมือสองของ ธอส.) เพื่อปลูกสร้าง หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้าง และ ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย และยังยกเว้นค่าธรรมเนียม ค่าประเมินราคาหลักประกัน และค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง สำหรับลูกค้าที่รับรหัสเข้าร่วมโครงการทาง Mobile Application : GHB ALL ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 หรือ ก่อนเต็มวงเงินโครงการ

         นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ธอส. เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ได้มีมติเห็นชอบให้ธนาคารปรับเพดานสัดส่วนสินเชื่อต่อ มูลค่าหลักประกัน (LTV) สำหรับลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อที่อยู่อาศัย หลังที่ 1 ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท ให้อยู่ที่ 100% ของมูลค่าหลักประกัน และให้วงเงินกู้ซื้อสินค้าในการอยู่อาศัยอีก 10% (รวมวงเงินให้กู้สูงสุด 110% ของมูลค่าหลักประกัน) คาดจะเริ่มเปิดให้ประชาชนยื่นกู้ตามเพดาน LTV ใหม่ในเดือนมิ.ย.นี้

          สำหรับ “มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผล กระทบด้านรายได้จาก COVID-19 ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อเนื่องจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดย ณ วันที่ 6 มิ.ย. 65 มีลูกค้ารับความช่วยเหลือกว่า 85,400 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 89,300 ล้านบาท และธนาคารยังได้จัดทำ “มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน เฟส 2” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่อยู่ในมาตรการที่ 18 และ 19 และยังได้รับผลกระทบด้านรายได้จาก COVID-19 โดยขยายความช่วยเหลือ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 65 

ที่มา: