'โฮมโปร 'ผนึก' เบเยอร์' รับมือโลกร้อนเปิดตัวสีทาอาคารเกรดทนทานกว่า17ปี

07 พ.ค. 2567 445 0

 

          ตลาดวัสดุก่อสร้าง ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โฮมโปร เผย 3 เดือนเป็นไปตามแผน พร้อมจับมือกับ สีเบอร์ เปิดตัวสี “เบเยอร์คูล ไดมอนด์ อัลตรา ชิลด์ 17” สีทาอาคาร เกรดทนทานนานกว่า 17 ปี ชูจุดเด่นบ้านเย็นลงสูงสุด 6 องศาฯ ตอบโจทย์การประหยัดค่าไฟให้เจ้าของบ้าน และช่วยลดปริมาณคาร์บอนให้แก่โลกอีกด้วย ด้าน ผู้บริหารสีเบเยอร์ ชี้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐ หนุนการซื้อขาย และ ปลูกสร้างบ้าน จับตา ตลาด คอนโดฯ รีเทิร์น คาดมูลค่าตลาดสีปีนี้โตมากกว่า จีดีพี ถึง 1.5-2 เท่า เผยมูลค่าตลาดสีแต่ละปีประมาณ 20,000 ล้านบาท

         นายธีระพงศ์ สัมพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง แนวโน้มการเติบโตของตลาดสินค้าและตกแต่งบ้านว่า เรามองการลงทุนของภาครัฐ และการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์ภาวะสงครามในหลายประเทศ อาจมีผลให้ต้นทุน และ ส่งถึงราคาปรับขึ้นได้

         สำหรับกลยุทธ์ในการขยายตลาดกลุ่มสี นั้น ทางโฮมโปร ร่วมกับ บริษัท เบเยอร์ จำกัด ในการเปิดตัวสินค้าแบบ เอ็กซ์คลูซีฟ นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ BegerCool Diamond Ultra Shield 17 ทนทานนานกว่า 17 ปี สูงที่สุดที่เคยมีมา ซึ่งปัจจุบันฐานลูกค้าโฮมโปรส่วนใหญ่เป็น กลุ่มเจ้าของบ้านที่มีความต้องการสีที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่มอัลตราพรีเมียมที่มีคุณภาพสูงสุด ซึ่งเบเยอร์คูล ไดมอนด์ อัลตรา ชิลด์ 17 เป็นสีทาบ้านที่ดีที่สุดจากเบเยอร์ ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันมีขายเฉพาะโฮมโปร 41 สาขา ซึ่งในอนาคตได้วางแผนการจำหน่ายไปยังสาขาอื่นๆ ของโฮมโปรที่ปัจจุบันมีอยู่ 85 สาขา

         “ช่วงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ BegerCool Diamond Ultra Shield 17 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จนถึงเดือนเมษายน ยอดขายดีมาก เพราะสินค้าตอบสนองพฤติกรรมลูกค้า ที่ตอนนี้อากาศร้อนสูง ซึ่งปัจจุบันยอดขายเติบโตถึงร้อยละ 75 โดยทางเราได้มอบเป้าขายทั้งปีให้กับทีมขาย ขณะที่ภาพรวมยอดขายสีเบเยอร์ในโฮมโปรในปีที่ผ่านมา ทำตัวเลขได้สูงถึง 1,000 ล้านบาท” นายธีระพงศ์ กล่าว

         ด้าน นางสาวปิยนาฎ ยอดรัก รองประธานบริหาร บริษัท เบเยอร์ จำกัด กล่าวถึง ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2567 คาดว่าจะเติบโตตามการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) คาดจะเพิ่มขึ้นกว่า 1.5-2 เท่า โดยปัจจัยสำคัญมาจากการที่รัฐบาลได้มีมาตรการส่งเสริมตลาดที่อยู่อาศัย ตลาดรับสร้างบ้านมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการซื้อและปลูกสร้างบ้าน ประกอบกับรูปแบบก่อสร้างบ้านจะเปลี่ยนจากโครงการแนวราบไปสู่การเปิดโครงการคอนโดมิเนียม มากขึ้น

         “เราคาดว่าตลาดสีปีนี้จะเติบโตได้ประมาณร้อยละ 3-4 จากมูลค่าตลาดประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมา สีเบเยอร์ มียอดขายที่ดีตัวเลข 2 หลัก มีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสีประมาณร้อยละ 20 ซึ่งเราเชื่อว่า บริษัทสีต่างๆในปีนี้”

         สำหรับปณิธานและแนวคิด EcoWellness Innovation สีนวัตกรรม รักษ์โลก รักคุณ ที่ร่วมขับเคลื่อนสู่ธุรกิจสีเขียวให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนนั้น ทางสีเบเยอร์ จึงได้พัฒนา BegerCool Diamond Ultra Shield 17 ให้เป็นผลิตภัณฑ์สีทาอาคารระดับสูงสุด ที่ต่อยอดจากกลุ่มเบเยอร์คูล ที่มี Ceramic Cooling Technology ช่วยสะท้อนความร้อนจากแสงอาทิตย์ และเป็นเสมือนฉนวนกันร้อนให้แก่ผนังอาคารบ้านเรือน ช่วยประหยัดค่าไฟลงกว่า 25% และด้วยการผลิตแบบ AVID เทคโนโลยีล้ำสมัยรายแรกและรายเดียวของเอเชีย ยังทำให้ช่วยลดปริมาณคาร์บอนลงได้มากกว่า 22% เมื่อเทียบกับสีที่ผลิตในระบบเดิมๆ

         พร้อมทั้งยังมีเทคโนโลยีช่วยกันความร้อน เซรามิก คูลลิ่ง ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสีเบเยอร์คูล ช่วยสะท้อนความร้อนให้บ้านได้ดีกว่า 97.2% จึงลดอุณหภูมิภายในบ้านสูงสุดถึง 6 องศาเซลเซียส และช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ถึง 32% นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สีทาบ้านเย็นตระกูล เบเยอร์คูลเป็นที่นิยมและบอกต่อกัน จนมียอดขายอันดับหนึ่งตลอดมา โดยสินค้ามีขนาดบรรจุ 1 แกลลอน และ 2.5 แกลลอน ชนิดฟิล์มสีกึ่งเงา สามารถเลือกเฉดสีได้กว่า 1,200 เฉดสี

         “สีเบเยอร์คูล ไดมอนด์ อัลตรา ชิลด์ 17 เกรดพรีเมียม ราคาจะสูงกว่าสีทั่วไปประมาณร้อยละ 15 แต่มองระยะยาวแล้ว ก็คุ้มค่า เพราะสีจะมีความคงทนนาน และช่วยประหยัดค่าไฟได้นาน และคาดว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่จะมีส่วนสนับสนุนยอดขายผ่านสาขาโฮมโปรมากขึ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ของยอดขายผลิตภัณฑ์สีที่ขายผ่านโฮมโปรประมาณ 1,000 ล้านบาท” นางสาวปิยนาฎ กล่าว

         โดยในช่วงเปิดตัวนวัตกรรมสีบ้านเย็น ได้มีการจัดโปรโมชันพิเศษสำหรับกลุ่มสีน้ำทาภายนอก BegerCool Diamond 17 ปี ลดทันทีถังละ 150 บาท พร้อมรับของพรีเมียมอีกมากมาย ตั้งแต่วันนี้-30 มิถุนายน 2567



 

 

ที่มา: