แบงก์พาณิชย์ฐานะแกร่ง
ปี63กวาดกำไร1.46แสนล.ห่วงโรงแรมหนี้ท่วม
“ธปท.” การันตีธนาคารพาณิชย์ยังแกร่ง สำรองแน่นปึ้กรับมหาสงครามโควิด-19 เปิดผลงานปี 2563 ปล่อยกู้โต 5.1% กวาดกำไร 1.46 แสนล้านบาท รับหนี้เสียทั้งระบบยังเพิ่มต่อเนื่อง แต่เชื่อมือคุมอยู่ ห่วงกลุ่มโรงแรมบักโกรกหนัก
น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ปี 2563 ว่ามีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผล กระทบของโควิด-19 ได้ มาตรการ ช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ช่วยสนับ สนุนการเติบโตของสินเชื่อและชะลอการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์
ขณะที่ผลประกอบการของระบบธนาคารพาณิชย์ปรับลด ลง ซึ่งเป็นผลจากการกันสำรองในระดับสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมรองรับผลกระทบของโควิด-19 ต่อคุณภาพสินเชื่อ มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2.99 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 20.1% เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 7.99 แสน ล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำ รองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 149.2% และอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง เพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤติอยู่ที่ 179.6%
“ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2563 ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.1% เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน จาก 2.0% ในปี 2562” น.ส.สุวรรณีกล่าว
น.ส.สุวรรณีกล่าวว่า ธนา คารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในปี 2563 จำนวน 1.46 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการกันสำรองในระดับสูงอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมรองรับผล กระทบจากโควิด-19 ต่อคุณภาพหนี้ในระยะต่อไป ประกอบกับผลของฐานสูงจากรายได้จากเงินลงทุนซึ่งเป็นปัจจัยพิเศษในปีก่อน สำหรับอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 0.65% จากปีก่อนที่ 1.39% และอัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 2.51% จากปีก่อนที่ 2.73%
“เท่าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด NPL อาจจะมีการทยอยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มที่ช่วยเหลือไม่ได้ ต้องยอมรับว่าหนี้ก็มีปัญหาที่หลากหลาย แต่สิ่งที่พบคือยังไงก็ตามธนาคารพาณิชย์จะยังต้องช่วยเหลือลูกหนี้ ตัวเลข NPL ยังมีแนวโน้มค่อยๆ ทยอยออกมา แต่จะยังเป็นตัวเลขที่อยู่ในวิสัยที่ธนาคารพาณิชย์ควบคุมได้” น.ส.สุวรรณีกล่าว
อย่างไรก็ดี กลุ่มลูกหนี้ที่เป็นห่วงคือกลุ่มลูกหนี้จากโควิด-19 โดยตรง ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง จากการติดตามพอร์ต พบว่า กลุ่ม สินเชื่อธุรกิจโรงแรมก็มีผลกระทบที่แตกต่างกัน บางแห่งกลับมารับนักท่องเที่ยวได้เต็มจำนวนก่อนที่จะมีการระบาดระลอกใหม่ ทำให้เห็นว่ากลุ่มที่ปรับตัวปัญหาจะเริ่มลดลง แต่กลุ่มที่เป็นห่วงคือกลุ่มที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 100% ที่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาไม่ได้
“ต้องยอมรับว่าพอร์ตโรง แรมคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ธปท.เข้าไปคุยกับธนา คารพาณิชย์ที่มีพอร์ตลูกหนี้กลุ่มโรงแรมอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ต้องยอม รับว่ายังอยู่ในกลุ่มที่ต้องให้ความช่วยเหลืออยู่ แต่จากการประเมินล่าสุดบางที่กลุ่มที่รับนักท่องเที่ยวได้ก็เริ่มกลับมาจ่ายหนี้ได้ แต่อีกหลายส่วนก็ยังต้องช่วยเหลือ” น.ส.สุวรรณีกล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์