แบงก์คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย0.75% สกัดเงินเฟ้อ-ทิศทางดอลล์ยังแข็งค่า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ จะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.75 เช่นเดียวกับในการประชุมในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา จากแรงกดดันด้านเงินเฟอที่ยังอยู่ระดับสูง โดยตัวเลขเงินเฟอเดือน มิ.ย. ที่ออกมาล่าสุดยังคงเร่งตัวสูงขึ้นและแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปีที่ 9.1% YoY ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 8.8% YoY และหากเทียบกับเดือนก่อนหน้า อัตราเงินเฟอทั่วไปของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นที่ 1.3% ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะยังคงให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเงินเฟอเป็นหลัก
ส่วนความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึงร้อยละ 1.00 นั้นยังคงมีน้อยกว่าความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.75 ในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากจะถือเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อครั้งที่มากสุดในรอบ 40 กว่าปี ซึ่งอาจสร้างความวิตกกังวลต่อตลาดได้ โดยตลาดจะมีมุมมองว่าเฟดมีความวิตกกังวลอย่างมากต่อตัวเลขเงินเฟ้อและมองว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถควบคุมได้จึงจำเป็นต้องให้ยาแรงกว่าที่เคยส่งสัญญาณไว้ ดังนั้น เฟดคงต้องชั่งน้ำหนักผลกระทบที่ อาจเกิดขึ้นหากจะดำเนินนโยบายอย่างแข็งกร้าวมากขึ้น
ทั้งนี้ แม้ว่าเฟดจะพยายามประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ไปสู่ soft landing แต่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกยังมาอยู่ในภาวะเร่งตัว ทำให้เฟดไม่มีทางเลือกมากนักที่จะต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างแข็งกร้าวขึ้น ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค หรือหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค หรือหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า 2 ไตรมาสติดต่อกัน ในช่วงต้นปี 2566 หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวไปแล้วในไตรมาส 1/2565 ที่ -1.5% YoY ขณะที่ ในด้านของเงินเฟ้อคาดว่าจะอ่อนแรงลงได้บ้างตามอุปสงค์ที่ชะลอลง และอาจส่งผลให้เฟดชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยลงได้ในระยะข้างหน้า
สำหรับผลกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุน การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างแข็งกร้าวของเฟดจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังมีทิศทางแข็งค่า ในขณะที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ที่มีการดำเนินนโยบายการเงินสวนทางกับเฟดเผชิญทิศทางค่าเงินที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
ด้านกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)ระบุในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 75bp สู่ระดับ 2.25-2.50% โดยนักลงทุนจะติดตามการประเมินภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของเฟดเพื่อจับสัญญาณว่าเฟดจะเริ่มลดความแข็งกร้าวต่อการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปหรือไม่ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯร่วงลง
พร้อมประเมินทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์ นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.50-36.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 36.72 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังซื้อขายในกรอบ 36.53-36.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเน้นย้ำว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป แต่หากขึ้นดอกเบี้ยแล้วเงินเฟ้อยังไม่เข้าสู่กรอบ ธปท.อาจต้องคุมเข้มนโยบายมากกว่าปกติ โดย ธปท.ประเมินว่าผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะน้อยกว่าผลจากเงินเฟ้อที่จะลดทอนกำลังซื้อ
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา
