เอสซี เพิ่มงบซื้อที่อีก1.5พันล.

09 ก.ย. 2565 356 0

  “เอสซี” ปรับเพิ่มวงเงินซื้อ ที่ดินใหม่แตะ 1.3 หมื่นล้าน เดิม 1.1 หมื่นล้าน รับดีมานด์ ลูกค้าพุ่ง ด้านครึ่งหลังลุยเปิด 17 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้าน ดันยอดขาย-รายได้เข้าเป้า 2.2 หมื่นล้าน แย้มกำลังศึกษาลงทุนต่างจังหวัดในพื้นที่มีศักยภาพ

          นางปรารถนา แพทย์สมาน หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านการเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่าบริษัทได้ปรับเพิ่มงบซื้อที่ดินปี 2565 เป็น 13,000 ล้านบาท จากเดิม 11,500 ล้านบาท หรือราว 1,500 ล้านบาท หลังมีความต้องการ (ดีมานด์) ซื้อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น บริษัทจึงต้องจัดหาซื้อที่ดินให้เพียงพอ จากปัจจุบันมีที่ดินที่นำไปพัฒนาแล้ว 45% ส่วนใหญ่ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ และคาดว่างบลงทุนที่เหลืออีก 55% จะใช้ซื้อที่ดินใหม่ให้หมด

          “เรามองว่าต้องซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และบริษัทมองถึง แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น มีผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่เป็นระดับกลาง-บน ซึ่งมีกำลังซื้อดี สำหรับ SC Morning Coin เตรียมเปิดให้ใช้งานเฟสแรกให้ลูกบ้านในไตรมาส 4 ปี 65”

          ขณะที่ในครึ่งปีหลัง 2565 บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 26,400 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 23,800 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านบาท

          โดยส่งผลให้ทั้งปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการทั้งหมด 27 โครงการ มูลค่า 41,700 ล้านบาท ซึ่งเปิดไปแล้ว ในครึ่งปีแรก 10 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 25 โครงการ และเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ

          นางปรารถนา บอกว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดขาย รอโอน (Backlog) รวม 11,873 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย.2565) เป็นแนวราบ 50% และคอนโดมิเนียม 50% โดยแนวราบพร้อมโอนปีนี้ ส่วนคอนโด คาดโอนปีนี้ 40% โดยมีโครงการ พร้อมโอน 3 คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จ ในไตรมาส 4 ปี 2565 คือ The Crest Park Residences, SCOPE Langsuan และ SCOPE Promsri

          ทั้งนี้ ยอมรับว่าแบ็กล็อกในตอนนี้ถือว่าสูง ซึ่งบริษัทพยายามบริหารจัดการ โดยการเพิ่มสต็อก บ้านสร้างเสร็จแล้วจากเดิม 3 เดือน เพิ่มเป็น 5-6 เดือน เพื่อรองรับดีมานด์ที่เข้ามาจำนวนมาก

          โดยปีนี้บริษัทเชื่อมั่นว่าจะทำยอดขายและรายได้ตามเป้าหมาย 22,000 ล้านบาท โดยในส่วนของรายได้จะมาจากโครงการ แนวราบ 70% คอนโด 26% และเป็น ในส่วนของรายได้ประจำ 4% เนื่องจาก ความต้องการ ที่อยู่อาศัยที่ยังสูงต่อเนื่อง และ การเปิดโครงการใหม่จำนวนมากเพียงพอ ในครึ่งปีหลัง รวมทั้งการเปิดประเทศคาดว่า จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเมืองไทย เพิ่มมากขึ้น

          ทั้งนี้ ภายใน 2 ปี บริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนในต่างจังหวัด แต่ยอมรับว่ายังไงอนาคตก็ต้องมีขยายการลงทุนในต่างจังหวัด ดังนั้น ปัจจุบันจึงมีการศึกษาจังหวัดที่มีศักยภาพ ในการลงทุนไว้บ้างแล้ว

ที่มา: