เอสซีจี เข็นโปรดักต์รักสุขภาพสู้โควิด เผยQ1ยอดขายกระฉูด2,500ล้านบาท
“เอสซีจี เซรามิกส์” เผยสถานการณ์ไตรมาส1ปี 63 กวาดยอดขาย 2,523 ล้านบาท ระบุตลาดอสังหาฯ และวัสดุก่อสร้างยังชะลอตัวต่อเนื่อง ซ้ำเติมด้วยพิษโควิด-19 พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้า ชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์สุขอนามัย
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO กล่าวถึงงบการเงินรวมก่อนสอบทาน ของ COTTO ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ว่า มีรายได้จากการขาย 2,523 ล้านบาท ลดลง 16% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายลดลง และรายได้จากการขายที่ดินลดลง โดยบริษัทมีกำไรสำหรับงวด 125 ล้านบาท ลดลง 4% ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรจากการขายที่ดินในปีก่อน กำไรจะเพิ่มขึ้นร้อยละ128 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการผลิตได้ดีขึ้น จากการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและลงทุนขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลงจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ขณะที่ ในไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,545 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อน โดยมีผลขาดทุน 70 ล้านบาท ลดลง 207% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 180% จากไตรมาสก่อน
“รายได้จากการขายลดลง เกิดจากยอดขายในประเทศที่ลดลง ตามความต้องการของตลาดในประเทศโดยรวมในช่วงต้นไตรมาส ปัจจัยลบต่างๆ มาจากภาคอสังหาริมทรัพย์และสิ่งก่อสร้างหดตัวลง ตามกำลังซื้อซึ่งเป็นผลของมาตรการ LTV และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ตลอดจนสถานการณ์ภัยแล้ง ฝุ่น ควัน ส่วนในช่วงท้ายไตรมาส เกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและปัญหาโควิด-19 แต่ยอดขายสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในกลุ่ม CLM โดยรวมสามารถรักษาระดับปริมาณขายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน” นายนำพล กล่าว
สำหรับในช่วงภาวะวิกฤตโควิด-19 ซึ่งทางภาครัฐได้มีการประกาศใช้นโยบายต่างๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดในประเทศ มีผลกระทบกับผู้บริโภคและบริษัทฯ ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารออนไลน์เข้ามาช่วยในการทำงานให้มากขึ้น โดยเฉพาะการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ www.cottolife.com เฟซบุ๊กเพจสินค้า ทั้งแบรนด์คอตโต้ คัมพานาและโสสุโก้ รวมถึงคลังเซรามิค ตลอดจนปรับตัวและปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า โดยบริหารจัดการพนักงานที่ขายหน้าร้านมาเสริมทีมขายออนไลน์ เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกค้าด้วย
“ช่องทางขายออนไลน์ ได้กลายเป็นช่องทางหลักในการขายสินค้าให้กับคอตโต้ไลฟ์ โดยเฉพาะช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ยอดขายส่วนใหญ่มาจากออนไลน์โดยตรง และจาก OmniChannel คือ เริ่มจากออนไลน์นำไปสู่การติดต่อพูดคุย ขายสินค้ากับลูกค้าทางโทรศัพท์ ถือได้ว่ายอดขายจากทุกช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็น New High เห็นได้ชัดว่ากลุ่มลูกค้าของเราที่มีพฤติกรรมการใช้ดิจิทัล เทคโนโลยี มีเป็นจำนวนไม่น้อย”
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ส่งกระเบื้อง Hygienic Tile มีคุณสมบัติในการป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย เพื่อตอบรับเทรนด์ของผู้บริโภคที่มีความกังวล และต้องการความปลอดภัยทางด้านสุขภาพอนามัย และพัฒนาสินค้า “COTTO Quick” ซึ่งเป็นระบบพื้นกระเบื้องที่ติดตั้งไวและง่าย ซึ่งลูกค้าสามารถปูเองได้ โดยไม่ต้องใช้กาวซีเมนต์
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา