เอพี Q1รายได้พุ่ง 11,800ล้านบาท โกยกำไรสุทธิไตรมาสแรก 1,478ล้าน

09 พ.ค. 2566 193 0

         “เอพี ไทยแลนด์” เผยยอดขายไตรมาสแรก14,264 ล้านบาท หนุนรายได้ Q1 พุ่ง 11,805 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,478 ล้านบาท หลังการตอบรับบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ดีเยี่ยม ด้านตลาดคอนโดส่งสัญญาณบวกปรับตัวสู่สมดุล แจงไตรมาส 2 เดินหน้าเปิดตัวโครง 16 โครงการ 21,030 ล้านบาท

          นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 1/66 สามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 11,805 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 1,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1,154 ล้านบาท เท่ากับ 28% และมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.66 เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการบริหารจัดการสัดส่วนหนี้สินสุทธิในระดับที่ ไม่เกิน 1 เท่า

          ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกสินค้ากลุ่มแนวราบ ทั้งทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว ยังคงเป็นคีย์ไดรฟ์สำคัญในการเติบโตทางรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้ที่เกิดขึ้นมาจากสินค้าแนวราบคิดเป็นมูลค่า 8,657 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของสัดส่วนรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งมีบ้านเดี่ยวแบรนด์ THE CITY เป็นกำลังหลักหนุนสร้างรายได้รวมในกลุ่มแนวราบ

          สำหรับสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม ภาพรวมธุรกิจเริ่มมีแนวโน้มเป็นบวก ประกอบกับสัญญาณการโอนกรรมสิทธิ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยไตรมาส ที่ผ่านมานอกจากบริษัทฯ จะโอนกรรมสิทธิ์ปิดจบโครงการ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช เฟส 1 ได้ทั้งโครงการแล้วนั้น บริษัทฯ ยังสร้างรายได้จากการโอนคอนโดแบรนด์ ASPIRE อย่าง ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน และ ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงคอนโดมิเนียมร่วมทุนอย่าง RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน คอนโดมิเนียมโครงการล่าสุดที่เริ่มทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ผ่านมา

          ส่วนในไตรมาสที่ 2 นี้ เอพีฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่า 21,030 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 9,380 ล้านบาท ทาวน์โฮม 8 โครงการ มูลค่า 8,150 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 3,500 ล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 2566 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้นมูลค่า 14,264 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบมูลค่า 10,601 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมมูลค่า 3,663 ล้านบาท และมีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) 33,000 ล้านบาท

 

ที่มา: