เศรษฐกิจปีหน้าฟื้นกกร.ฟันธงขยายตัว3-4.5%

09 ธ.ค. 2564 662 0

          นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือนธันวาคม 2564 เปิดเผยว่า เศรษฐกิจ ปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวสอดคล้องกับ ที่คาดการณ์ไว้ ทำให้กกร.คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 ไว้ที่ 0.5% ถึง 1.5% ขณะที่ประมาณการการส่งออกในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 13.0% ถึง 15.0% อันเนื่องมาจาก Demand เพิ่มต่อเนื่อง โดยมีประเด็นที่ต้องเร่งแก้ปัญหา คือ การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2%

          สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2565 คาดว่า จะขยายตัว 3-4.5% สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกปีหน้าที่คาดว่าจะเติบโตที่ 4-5% การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวในกรอบ 3-5% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้ การส่งออกมีโอกาสขยายตัวต่อจากปีนี้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 1.2-2% จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มสูงขึ้น ปัจจัยที่ต้องจับตามองก็คือปัญหาความขัดแย้งทาง การเมืองของหลายประเทศ

          นายสนั่นกล่าวว่า เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ะบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ส่งผลให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการจำกัดการเดินทางหรือมาตรการจำกัดกิจกรรม อีกครั้ง ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยทั้งภาคการ ส่งออกและภาคบริการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ โอไมครอน อาจทำให้การฟื้นตัวต่อจากนี้ไปได้รับผลกระทบและต้องล่าช้าออกไป โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่งเริ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังการเปิดประเทศเมื่อ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ดังนั้น โอไมครอนจึงกลายเป็นความเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงต้นปี 2565 จำเป็นต้องจับตาปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความรวดเร็วของการแพร่ระบาด

          อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนเห็นว่าไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป ทุกภาคส่วนควรปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในระลอกใหม่ซ้ำเติม เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นได้ชัดจากบทเรียนของการล็อกดาวน์ว่ามีต้นทุนต่อเศรษฐกิจและสังคมสูงมาก ทั้งผลกระทบโดยตรงจากการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ บั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนและ ผู้ประกอบการ

          สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2565 จำเป็นต้องมีนโยบายทั้งระยะสั้น และระยะยาว ในระยะสั้นที่การฟื้นตัว ล่าช้าออกไปภาคธุรกิจยังคงฟื้นตัวไม่ พร้อมเพรียงกัน มาตรการพยุงเศรษฐกิจและกำลังซื้อของครัวเรือน รวมถึงการ ผ่อนคลายนโยบายการเงินที่มีความต่อเนื่องยังคงมีความจำเป็น นอกจากนี้ สำหรับปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวควรแก้ไขโดย เร่งขึ้นทะเบียน และมีการจัดสรรวัคซีนให้ เพราะขณะนี้ประเทศไทยเริ่ม มีปริมาณวัคซีนที่เพียงพอมากขึ้น ระหว่างนี้ต้องช่วยกันรณรงค์ให้คนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนรีบมาฉีดวัคซีน

          ทั้งนี้ กกร. ยังได้มีการหารือในประเด็นสำคัญเพิ่มเติมเรื่องการเร่งปฏิรูปกฎหมาย (กีโยติน) เพื่ออำนวยความสะดวก ให้กับผู้ประกอบการในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมกันนี้ ยังเห็นชอบในการสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนมูลนิธิพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการระดมเงินบริจาคจากภาคเอกชนเพื่อสนับสนุน SME ในการสร้าง Innovation ใหม่ๆ โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมได้สนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ร่วมกับภาคเอกชน ในการ จัดตั้งกองทุนดังกล่าวเป็นระยะเวลา 3 ปี (2565-2567) เป็นเงิน 2,000 ล้านบาท โดยภาคเอกชนเสนอภาครัฐให้สามารถ หักเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้

ที่มา: