เครือสแตนดาร์ดลุยขยายโรงแรมรับเที่ยวไทยฟื้น

18 พ.ค. 2565 385 0

         เครือโรงแรม “เดอะ สแตนดาร์ด” ใต้ปีกยักษ์อสังหาฯไทย “แสนสิริ” ปลุกลงทุนหลังโควิด เร่งปักธงขยายเครือข่าย ธุรกิจโรงแรมในไทยศูนย์กลางท่องเที่ยวแห่งภูมิภาค เตรียมเปิด 2 แบรนด์เรือธง “เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร” และ “เดอะ เภรี โฮเต็ล สุขุมวิท”  รับดีมานด์ทัวริสต์ ฟื้นเร็ว พร้อมเล็งรุกตลาด “เรสซิเดนส์” เจาะคนรุ่นใหม่-เฟิร์สต์จ็อบเบอร์

          มหาวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ “โรงแรม” เป็นไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะช่วงที่นานาประเทศ “ล็อกดาวน์” อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ประเทศต่างๆ ทยอยลดข้อจำกัดการเดินทางมากขึ้น ขณะที่ “สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชันแนล” (Standard International) บริษัทแม่เครือโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) ซึ่งมีทุนยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ของไทย บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 62% มั่นใจศักยภาพประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางแห่งภูมิภาคอาเซียน ผลักดันเครือโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ รองรับการฟื้นตัวของดีมานด์นักท่องเที่ยวทั่วโลก

          นายอมาร์ ลัลวานี่ ประธานกรรมการบริหาร Standard International กล่าวถึงแผนการขยายโรงแรมเครือเดอะ สแตนดาร์ดฯ ในประเทศไทยช่วง 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2566-2570 จะมุ่งขยายเครือข่ายโรงแรม เน้นการรับบริหารเป็นหลัก สำหรับแบรนด์ “เดอะ สแตนดาร์ด” ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ โฮเทล ตั้งเป้าหมายปักธง 4 เมืองท่องเที่ยวในไทยเพิ่มเติม ได้แก่ ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ และพัทยา หลังจาก 2 แห่งแรก ได้เปิดให้บริการโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน เป็นแห่งแรกในไทย เมื่อเดือน พ.ย.2564 มีขนาด 199 ห้องพัก ผลการตอบรับดีมาก เฉพาะเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70% สูงสุดนับตั้งแต่เปิดโรงแรมมา ส่วนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย.2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 72% และสามารถทำราคาขายห้องพักได้ในระดับ 6,500 บาท/ห้อง/คืน

          ส่วนแห่งที่ 2 ในไทย โรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร ขนาด 155 ห้องพัก เตรียมเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปีนี้ นับเป็นโรงแรมระดับเรือธง (Flagship) ของแบรนด์ เดอะ สแตนดาร์ด ในเอเชีย โดยได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ คิง เพาเวอร์ กรุ๊ป ในการนำแบรนด์ดังกล่าวมาเสริมความโดดเด่นแก่อาคารคิง เพาเวอร์ มหานคร แลนด์มาร์กใจกลางกรุงเทพฯซึ่งมีขนาด 78 ชั้น สูงเป็นอันดับต้นๆ ของไทย คาดมีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวยุโรปและสหรัฐ หลังจากมีโรงแรมระดับเรือธงในยุโรปที่กรุงลอนดอน

          เปิด “เดอะ เภรี” ในเอเชียอีก 5-10 แห่ง

          ส่วนอีกแบรนด์หลัก “เดอะ เภรี โฮเต็ล” (The Peri Hotel) เป็นแบรนด์โรงแรมสไตล์บูติกโฮเทล ที่มีภาพลักษณ์ดู Casual หรือ ไม่เป็นทางการมากกว่าแบรนด์เดอะ สแตนดาร์ด ปัจจุบันเปิดให้บริการในไทยแล้ว 2 แห่ง คือ หัวหิน และเขาใหญ่ ซึ่งมีแสนสิริเป็นเจ้าของ มีอัตราการเข้าพักดีมากจากตลาดลูกค้าคนไทย

          ล่าสุดเตรียมเปิดให้บริการโรงแรมเดอะ เภรี โฮเต็ล แบงค็อก สุขุมวิท ราวปี 2567-2568 มีขนาดประมาณ 200 ห้องขึ้นไป เจ้าของเป็นนักลงทุนรายอื่น ตั้งอยู่บนสุดยอดโลเกชั่นในซอยสุขุมวิท 24 โดยจะชูเป็นโรงแรมระดับเรือธง ของแบรนด์เดอะ เภรี โฮเต็ล

          “นอกจากนี้ยังมองการขยายแบรนด์ เดอะ เภรี โฮเต็ล เพิ่มอีก 5-10 แห่งในไทยและโลเกชั่นอื่นๆ ที่มีศักยภาพในเอเชีย เช่น ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ รวมถึงบาหลี อินโดนีเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์”

          ชี้โลกเปิด ท่องเที่ยวฟื้นเร็วและแรง

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากเมืองและประเทศต่างๆ เริ่มทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ลอนดอน เม็กซิโก มัลดีฟส์ และรัฐเท็กซัส สหรัฐ พบว่าทำให้อัตราการเข้าพักโรงแรมในเครือฯฟื้นตัวดี ใกล้เคียงกับเมื่อปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤตินี้

          “พอธุรกิจโรงแรมกลับมาเปิดให้บริการได้หลังปลดล็อกดาวน์ พบว่าดีมานด์นักท่องเที่ยว พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว อย่างโรงแรมในไมอามี่ เท็กซัส และเม็กซิโก มีผลการดำเนินงาน ดีกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ด้วยซ้ำ และมองว่าถ้าในประเทศนั้นๆ มีข้อจำกัดด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่ค่อนข้างต่ำ จะช่วยทำให้ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวเป็นอย่างดีและเร็วขึ้น”

          นอกเหนือจากกระแสการเข้าพักแล้ว รายได้จากอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ก็เติบโตได้ดีเช่นกันเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกค้าหลักของเครือฯคือนักท่องเที่ยว กลุ่มท่องเที่ยวและพักผ่อนทั่วไป (Leisure) ซึ่งฟื้นตัวได้เร็วกว่ากลุ่มเดินทางเพื่อธุรกิจ โดยเฉพาะโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด ลอนดอน ลูกค้าท้องถิ่นนิยมมาใช้ห้องอาหารกินดื่มและสเตย์เคชั่นที่โรงแรม ขณะที่ธุรกิจการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์และงานแต่งงานก็มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัว เพราะผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง

          ทั้งนี้ เครือเดอะ สแตนดาร์ดฯ ได้เปิดให้บริการโรงแรมใหม่อีก 3 แห่ง กระจายในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ ได้แก่ โรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน เมื่อปลายปีที่แล้ว ส่วนนอกประเทศไทยมีเปิดให้บริการโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด อิบิซ่า ประเทศสเปน เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส สหรัฐ

          ส่วนการขยายโรงแรมใหม่แห่งอื่นๆ ในเครือเดอะ สแตนดาร์ดฯ ยังเป็นไปตามแผนเดิมในช่วง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2566-2568 โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะมีที่สิงคโปร์ และเมลเบิร์น ส่วนในยุโรปมีที่เมืองดับลิน บรัสเซลส์ มิลาน และลิสบอน ขณะที่ในแถบอเมริกาเหนือจะมีที่โทรอนโต แคนาดา และฮูสตัน สหรัฐ เป็นต้น

          เล็งปักธง “เรสซิเดนส์” เจาะคนรุ่นใหม่

          ในปี 2566 เครือเดอะ สแตนดาร์ด มีแผนบุกตลาดที่พักอาศัยในรูปแบบเรสซิเดนส์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนโรงแรม แต่ไม่ใช่โรงแรม รองรับตลาดเข้าพักระยะยาว เตรียมเปิดให้บริการ “เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนส์” ที่แรกในไมอามี่ สหรัฐ และแห่งที่ 2 คือ ลิสบอน โปรตุเกส ติดอยู่กับโรงแรมที่กำลังจะเปิด ให้บริการแต่แยกส่วนกัน ทั้งนี้ หากมีโอกาส ทางเครือฯ ต้องการขยายโครงการเรสซิเดนส์ ที่ไทยด้วยเช่นกัน

          “เราเตรียมรุกตลาดเรสซิเดนส์ เป็นเพราะผู้คนที่เคยสัมผัสประสบการณ์การเข้าพักโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด ต่างหลงรักแบรนด์นี้ รักดีไซน์ รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน ไม่ได้อยากออกไปนอกโรงแรม จึงมองว่าแล้วทำไมเราไม่สร้างเป็นเรสซิเดนส์เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่ม First Jobber มีไลฟ์สไตล์ยืดหยุ่น สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ นับเป็นโอกาสที่ดีในการจับลูกค้ากลุ่มนี้ โดยทางเครือฯจะเข้าไปช่วยรับบริหารเรสซิเดนส์แก่ นักลงทุนหรือดีเวลลอปเปอร์ รุกขายห้องพักแบบระยะยาว ไม่ได้ทำเป็นโรงแรม”

ที่มา: