อุ้มหนี้ดี ลดเพดานดอกเบี้ย สนองธปท.

05 เม.ย. 2563 752 0

           ธนาคาร-นอนแบงก์ หาช่องช่วยลูกหนี้ ลดดอกเบี้ยจากเพดาน 28% เหลือ 22%  และ 18% เหลือ 12% สนองนโยบายธปท. ประคองลูกหนี้ดี ทั้ง “บัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคล- จำนำทะเบียน” หลังลดเพดาน ผ่อนชำระขั้นต่ำ-ยืดระยะเวลาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และเพิ่มวงเงินหมุนเวียนตามเกณฑ์มาตรฐาน 6 กลุ่ม



          ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้กำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา(โควิด-19) ครอบคลุมลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสดหมุนเวียน สินเชื่อบุคคลที่ผ่อนชำระเงินงวดและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อเช่าซื้อ โดยรถมอเตอร์ไซค์ วงเงินไม่เกิน 35,000 บาท และรถยนต์ทุกประเภท วงเงินไม่เกิน 250,000 บาท ลีสซิ่งที่มีหนี้คงเหลือไม่เกิน 3 ล้านบาท สินเชื่อบ้านวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี  ไมโครไฟแนนซ์และนาโนไฟแนนซ์ วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563

          รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์ระบุว่า ธปท.มีคำแนะนำในประเด็นการลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากที่ประกาศเป็นมาตรฐานกลาง โดยขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการที่ปล่อยสินเชื่อพิจารณาว่า จะสามารถลดดอกเบี้ยจากที่ 28% ต่อปีให้เหลือ 22% ส่วนดอกเบี้ยที่คิด 18% ให้ลดเหลือ 12% ต่อปี ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละแห่งอยู่ระหว่าง พิจารณา เนื่องจากแต่ละประเภทสินเชื่อมีความแตกต่างกัน

          “ธปท.ขอความร่วมมือในลักษณะให้คำแนะนำว่า ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต จะพิจารณาปรับลดลงได้อย่างไร ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อ เท่าที่ทราบธปท.ไม่ได้ขอความร่วมมือให้ปรับลดลง เพราะส่วนใหญ่เช่าซื้อ จะคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำอยู่แล้ว เช่น 0% ต่อปี หรือ 1.99% ต่อปี แต่ธปท.ให้ธุรกิจเช่าซื้อพักหนี้เงินต้น 3 เดือน โดยสามารถบันทึกรับรู้รายได้ ที่เป็นดอกเบี้ยค้างรับได้ แต่บริษัทไหนที่ให้ลูกค้าพักชำระหนี้ 6 เดือนนั้น ยังเป็นประเด็นหารือกันอยู่”



          นอกจากนั้นแบงค์เอง ก็เข้มงวดในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ โดยกำหนดพื้นที่ ที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด หรือผู้ประกอบการที่ยังไม่หยุดงาน ทำให้ล่าช้าในการให้ความช่วยเหลือลูกค้า ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ ส่วนหนึ่งเป็นหนี้เสียมาก่อนแล้ว และอีกส่วนเป็นลูกค้าดี มีศักยภาพ แต่อยากจะใช้ช่องทางนี้ในการได้รับการผ่อนปรนหรือลดการชำระหนี้ แต่แบงก์เจ้าหนี้ก็มีงบประมาณจำกัด จึงอยากจะช่วยเหลือลูกค้าที่เดือดร้อนก่อน ส่วนลูกค้าคุณภาพดีในระบบเชื่อว่า มีลูกค้าที่ไม่เคยเป็นหนี้เสีย ไม่เคยชำระค่างวดล่าช้ากว่า 97%



          นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอลจำกัด(มหาชน) หรือ MTC เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ“ว่า บริษัทมีฐานลูกค้ารวม 2.2 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าดีที่มีคุณภาพถึง 90% ซึ่งจากมาตรการดูแลลูกค้าดี ตามนโยบายของธปท. นั้น บริษัทได้กำหนดโปรแกรมให้ความช่วยเหลือลูกค้าไว้ 2 แนวทางคือ 1. ปรับปรุงโครงสร้างหนี้  โดยขยายเวลาในการชำระหนี้ให้ยาวขึ้น เพื่อผ่อนยอดชำระให้น้อยลง เช่น วงเงินกู้เดิมมีระยะเวลากู้ที่ 10 เดือน อาจจะขยายเป็น 15-20 เดือนก็ได้ ขึ้นกับความพอใจของลูกค้า 2. ลดวงเงิน หรือยอดการผ่อนชำระต่อเดือนลง 30% เช่น เคยผ่อนชำระที่ 1,000 บาท ปรับลดให้เหลือเดือนละ 700 บาท และ 3. ธปท.ขอความร่วมมือในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกค้าในอัตรา 22% ต่อปีจากเพดานที่ 28% ต่อปี



          “ปัจจุบันบริษัทคิดอัตราดอกเบี้ยกับลูกค้าในอัตรา 20% ต่อปี ต่ำกว่าอัตราที่ธปท.ขอให้ผ่อนปรนอยู่แล้ว โดยลูกค้าที่มีความประสงค์จะเข้าโปรแกรมดังกล่าวสามารถติดต่อสาขาของบริษัทกว่า 4,100 สาขาทั่วประเทศ ส่วนหนี้เอ็นพีแอลทั้งปี น่าจะไม่เกิน 2% ใกล้เคียงกับปัจจุบัน”



          สอดคล้องกับนางสาวณญาณี เผือกขำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด หรือ “บัตรเครดิตเฟิร์สช้อยส์” กล่าวว่า บริษัทได้ผ่อนเกณฑ์ให้ผู้ถือบัตรเฟิร์สช้อยส์ ชำระขั้นต่ำที่ 3% แล้วแต่กำลังพิจารณาจะจัดอีกในส่วนของตัวอื่นๆ ซึ่งเป็นลูกค้าที่ผ่อนชำระเต็มงวด อาจจะเริ่มได้เร็ว แต่ประเภทสินเชื่อบุคคลแบบหมุนเวียน (Revolving) หรือถ้าเกี่ยวกับฐานลูกค้าจำนวนมาก จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะต้องหาแนวทางพิจารณาการช่วยเหลือ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ง่ายที่สุด



          “จริงๆ พอร์ตลูกค้าดี จะมีจำนวนมาก แต่ตอนนี้สถานการณ์ของไวรัสอาจทำให้ดรอปลงไป บางส่วนยังสามารถประคองอยู่ได้ แต่บางคนที่ตึงอยู่แล้ว พอเกิดสถานการณ์ก็ยิ่งตึงหนักขึ้นอีก ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องหาทางเยียวยา โดยเฉพาะการเข้าไปให้ความช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนจริงๆ เพราะหากนำเงินไปลงทั้งกระดาน คนที่ได้รับผลกระทบหนัก จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ เพราะฉะนั้น จะเป็นแนวนโยบายที่ต้องช่วยก่อน คงได้เห็นภาพชัดกลางเดือนเมษายน ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งมือกันอยู่”



          หากนำเงินไปลงทั้งกระดาน คนที่เดือดร้อนหนัก จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ

ที่มา: