ออริจิ้น ปั้นนวัตกรรมลงทุนอสังหาฯ ชู แฮมป์ตัน เรสซิเดนซ์ เสริมมั่งคั่ง ชนะเงินเฟ้อ!

06 พ.ค. 2565 352 0

          บุษกร ภู่แส

          กรุงเทพธุรกิจ


          ในยุคข้าวยากหมากแพง รายจ่าย ในชีวิตประจำวันพุ่งสูง ทั้งราคาสินค้า ค่าน้ำ ค่าไฟ ราคาน้ำมันพุ่งสูง! ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ ดัชนีชี้วัดราคาสินค้าและบริการต่างๆ ทุบสถิติ พุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปีสูงส่งผลกระทบกับทุกคน!! ท่ามกลางเงินเก็บเงินออมร่อยหรอลงเรื่อยๆ ขณะที่รายได้ไม่เพิ่มขึ้น มิหนำซ้ำหลายคนรายได้ลดลง แน่นอนว่าจะต้องมองหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่ม

          สิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์  HEAD OF HAMPTON INVESTMENT PROPERTY PROGRAM ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้  กล่าวว่าปัจจุบันปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์คือกำลังซื้อของลูกค้าที่ถูกบั่นทอนจากวิกฤติโควิด-19 ตามมาด้วยต้นทุนการก่อสร้างปรับสูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ กระทบตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีชะลอตัว  ซึ่งคอนโดมิเนียมยังไม่ได้กลับมาหวือหวา ขณะที่ ภาพรวมตลาดอสังหาฯ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ยังคงเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ กลุ่มเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัย ทว่าในมุมมองของ “นักลงทุน” ห้วงเวลานี้ถือเป็นโอกาสและจังหวะในการซื้อเพื่อลงทุน แต่จะลงทุนอย่างไร? ถึงจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ที่สำคัญสามารถชนะเงินเฟ้อได้!!

          “ความน่ากลัวของเงินเฟ้อ คือ ทำให้ค่าของเงินลดลง จะซื้อของแต่ละชิ้นก็ต้องใช้เงินมากขึ้น ทำให้ที่ผ่านมา นักลงทุนชะลอการลงทุนซื้อคอนโดปล่อยเช่า เพราะคนนิยมเช่าคอนโดน้อยลง ยิ่งเมื่อเกิดโควิดตลาดคอนโดดิ่งลงชัดเจน ซัพพลายใหม่น้อยมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโควิดกระทบกำลังซื้อและความนิยมคอนโดลดลง”

          ขณะเดียวกัน พฤติกรรมผู้คน ในการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปสู่ความปกติใหม่ (New Normal) ที่เกิดจากการทำงาน ที่บ้าน (Work from Home) ทำให้กระแสนิยมหันไปซื้อ “บ้าน” แทนคอนโด ส่งผลต่อการลงทุนในอสังหาฯ หยุดชะงัก! จากที่เคยปล่อยเช่าได้ 1-2 ปีที่ผ่านมาปล่อยเช่าไม่ได้! กลุ่มลูกค้านักลงทุนจึงเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจที่จะไปต่อ…กลายเป็นปัญหาที่เป็นอุปสรรค  (Pain Point) สำคัญในการตัดสินใจลงทุน ยิ่งในช่วงภาวะเงินเฟ้อ นักลงทุนพยายามหาวิธีเพิ่มค่าของเงินในกระเป๋าตัวเองให้มากกว่าเดิม หรืออย่างน้อยก็หาให้ได้เท่ากับเงินเฟ้อที่เสียไป

          โจทย์ดังกล่าวเป็นที่มาของการพัฒนา “นวัตกรรมเพื่อการลงทุน” ของเครือ ออริจิ้น คือ “HAMPTON INVESTMENT PROPERTY PROGRAM” เพื่อแก้  Pain Point ของนักลงทุนหรือลูกค้าบางกลุ่ม ที่ยังรักการครอบครองคอนโดซึ่งเป็น อสังหาฯ ที่เล็กที่สุด ใช้เงินลงทุนน้อยที่สุด และสามารถปล่อยเช่าได้คล่องตัวกว่า  โดยมีหลักประกันในรูปแบบของโฉนด ยิ่งนาน ราคาก็ยิ่งเพิ่ม เพราะเมื่อดูดัชนี ราคาคอนโดเทียบภาวะเงินเฟ้อในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ช่วง 13 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2563 ราคาคอนโดอยู่ที่ 188.67 สามารถเอาชนะเงินเฟ้อซึ่งอยู่ที่ 115.02 ได้ ซึ่งการลงทุน อสังหาฯ ยังไม่ผันผวนหรือสวิงเหมือนการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี หรือ หุ้นบางตัว และเสน่ห์ของโปรแกรมนี้คือจะช่วยให้ นักลงทุนมีรายได้ค่าเช่าอย่างสม่ำเสมอในทุกเดือน ตลอด 10+10 ปี

          “ออริจิ้น ต้องการดิสรัปตนเอง จึงเกิดโครงการนำร่องนี้ขึ้นมาเหมือนกับสตาร์ทอัพ! โปรเจคแรก เดอะ แฮมป์ตัน สวีท ศรีราชาเป็นเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ 5 ดาว จำนวน 300 ห้อง ขายหมดภายในเดือนเดียว คนซื้อเป็นกลุ่มนักลงทุน คนไทย 100% ที่กลับมาซื้อเพื่อลงทุน ผู้เช่า ส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่น”

          โปรแกรมดังกล่าวสามารถตอบโจทย์นักลงทุนได้ดี เพราะมีรายได้ค่าเช่าทุกเดือนสม่ำเสมอ ไม่ต้องวุ่นวายกับผู้เช่าด้วยตนเอง เนื่องจากมีมืออาชีพ Hampton Hotel & Residence Management (HHR) จาก วัน ออริจิ้น ในการบริหารจัดการการลงทุนปล่อยเช่า ให้เจ้าของห้องหรือนักลงทุน ไม่เสียเวลากับการหาผู้เช่าหรือความเสี่ยงจากการลงทุนต่างๆ โดยหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น จะเริ่มเห็นการเติบโตของผู้เช่า ชาวต่างชาติมากขึ้นด้วย

          “แทนที่จะซื้อคอนโดปล่อยเช่าในลักษณะของ Customer to customer (C2C)ผ่านเอเยนต์ ซึ่งกลุ่มผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือน แต่ HAMPTON INVESTMENT PROPERTY PROGRAM จะเป็น Business-to-business (B2B) ดีลกับคอร์ปเรทใหญ่ อาทิ โตโยต้า เช่าเหมาเป็นล็อตให้พนักงานที่เป็น ชาวต่างชาติ 95% มีทุกธุรกิจ โรงงาน วิศวกร ในนิคมฯ ธนาคาร เทคนีเชียต่างชาติทำบล็อกเชน ฯลฯ ถือเป็นตลาดบลูโอเชียน ที่ไม่มีปัญหาสงครามราคา แถมยังได้ค่าเช่าขึ้นตามภาวะเงินเฟ้ออีกด้วย”

          ล่าสุด ออริจิ้น นำเสนอโปรแกรม แฮมป์ตัน เรสซิเดนซ์ พญาไท สำหรับ ผู้ที่สนใจ PASSIVE INCOME เป็น รายได้ประจำทุกเดือน! ในอัตรา 5-9% สัญญา ระยะยาว 10+10 ปี สามารถต่อสัญญาได้ โดยใน 3 ปีแรกการันตีผลตอบแทน 5% หลังจากนั้นปล่อยให้ราคาขึ้นลงตามปกติเป็นตามธรรมชาติ ประมาณการอยู่ที่ 5%

          ในระยะยาวเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวจะขยับขึ้นถึง 8-9% ไม่ต้องปวดหัวกับการหาผู้เช่า มีบริการครบวงจรตั้งแต่ตกแต่ง หาผู้เช่า เก็บค่าเช่า ซ่อมแซม หาผู้เช่าระดับเกรด A ที่สำคัญสามารถขายต่อได้ราคาสูง (CAPITAL GAIN) เพราะเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ราคาห้องเริ่มต้น 7.99 ล้านบาท สูงสุด 17 ล้านบาท

          “หากมองย้อนไปทุกๆ 10 ปี ราคาเรียลเอสเตทขึ้นทุกปีไม่ว่าเผชิญวิกฤติอะไรมา แม้ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 จึงเป็นสินทรัพย์ที่คุ้มค่ากับการลงทุน ที่สามารถชนะเงินเฟ้อ และเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นคนมีอันจะกินได้ ถือเป็นสินทรัพย์ที่สร้างความมั่งคั่งได้อีกรูปแบบหนึ่งที่สำคัญคือความเสี่ยงต่ำ”

          อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ดัชนีราคาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลตามค่าเฉลี่ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คอนโด โต ปีละ 8%  โดยเฉลี่ยในช่วง 11 ปี ที่ผ่านมาได้รับผลตอบแทนจากค่าเช่า 5% เท่ากับว่าเฉลี่ยต่อปีผู้ที่ลงทุนจะได้ ผลตอบแทนถึง 13% ต่อปี!!

ที่มา: