ออริจิ้นฯ เร่งแผนรับศก.-กำลังซื้อ Q1/66ทยอยรับรู้แบ็กล็อก4หมื่นล.

02 มี.ค. 2566 250 0

           ออริจิ้นฯ วางแผนงานรองรับสถานการณ์ศก.และกำลังซื้อ ประเมินเปิดประเทศเต็มรูปแบบหนุนท่องเที่ยว เผยไตรมาสแรกเตรียมทยอยรับรู้รายได้จากแบ็กล็อก 40,521 ล้านบาท เผยผลงานปี 65 กิจกรรมการโอนฯมูลค่า 18,509 ล้าน กำไรสุทธิ All Time High ถึง 3,775 ล้าน หลังโอนกรรมสิทธิ์โครงการขนาดใหญ่และเมกะโปรเจกต์แบรนด์ “พาร์ค ออริจิ้น” และ “ดิ ออริจิ้น” ได้อย่างต่อเนื่อง และความสำเร็จของร่วมทุนกับพันธมิตรพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 15 โครงการ กว่า 24,600 ล้าน ร่วมทุนกลุ่มโรงแรม-ศูนย์การค้าคลังสินค้าอีก 7 โครงการ

          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวถึง ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2566 นั้นว่า มีปัจจัยบวกที่เด่นชัดหลายด้านเมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งการเปิดประเทศของนานาประเทศสำคัญแบบเต็มปีเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมฟื้นตัว กำลังซื้อคอนโดมิเนียมจากต่างประเทศกลับมาไทย การเติบโตของเมืองกระจายสู่พื้นที่หัวเมืองต่างจังหวัดมากขึ้น บริษัทจึงอยู่ระหว่างการเดินหน้าวางแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อ

          สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 นั้น มีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากบริษัทยังมียอดขายรอบันทึกเป็นรายได้ (แบ็กล็อก) จากสิ้นปี 2565 ถึงราว 40,521 ล้านบาท ซึ่งบางส่วนจะทยอยเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งรวมถึงโครงการระดับลักชัวรี่อย่าง พาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน นอกจากนี้ กลุ่มโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทั้ง 2 ทำเลที่เริ่มโอนแล้วเมื่อกลางปี 2565 ยังน่าจะมีการทยอยโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

          ผลการดำเนินงานปี 2565 นั้น บริษัทมีกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยทุกกลุ่ม (รวมโครงการ JV) อยู่ที่ 18,509 ล้านบาท ทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา (All Time High) และเติบโตขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกัน มีรายได้จากธุรกิจโรงแรมและอื่นๆ 4,064 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,775 ล้านบาท เติบโตถึง 18% นับเป็นการทำลายสถิติกำไรสุทธิของบริษัท และมีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 24% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

          สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยที่มีส่วนสำคัญต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2565 คือกลุ่มโครงการขนาดใหญ่และเมกะโปรเจกต์ที่ทยอยสร้างเสร็จในปี 2565 อาทิ กลุ่มโครงการ ดิ ออริจิ้น กลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรีแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น และ แฮมป์ตัน ศรีราชา ขณะที่กลุ่มบ้านจัดสรร สร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างโดดเด่น

          นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับความไว้วางใจในการเข้าร่วมทุนจากพันธมิตรหลากสัญชาติอย่างต่อเนื่องในปี 2565 ทั้งในโครงการที่อยู่อาศัย โครงการโรงแรม ศูนย์การค้า ตลอดจนโครงการคลังสินค้า แบ่งเป็นโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมจำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 24,630 ล้านบาท โครงการโรงแรม ศูนย์การค้า และคลังสินค้า รวม 7 โครงการ มูลค่า REIT ประมาณการณ์รวม 5,520 ล้านบาท

 

ที่มา: