อสังหาฯ พลิกฟื้นหนุนดีมานด์ใช้PRECAST ซีแพนเนล คาดรายได้ปี65เติบโตกว่า25%
“ซีแพนเนล” วิเคราะห์ตลาดอสังหาฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัว มองสอดคล้องกับดีเวลลอปเปอร์ คาดปี 65 เติบโต 10-15% ชี้ ดีมานด์ใช้ Precastโตได้ เหตุสัดส่วนต่อมูลค่าตลาดอสังหาฯยังน้อย ผู้ประกอบการไม่เน้นทำตลาดเฉพาะใน โลเกชันเดิมๆ กระจายโครงการตามการขยายของเมือง บวกกับเรื่องแรงงานลูกค้าก่อสร้าง คอนโดฯ เริ่มสั่งออเดอร์มากขึ้น หลังพรีเซลกว่า 70% รองรับการโอนให้ลูกค้า
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป กล่าวถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ประสบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า ที่ผ่านมา กลุ่มบ้านระดับไฮเอนด์ไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงมียอดผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการระดับกลาง-บน ที่พัฒนาโครงการในรูปแบบแนวราบ และส่วนใหญ่ผลิตระบบพรีแคสของตนเองใช้เองอยู่แล้ว ซึ่งสาเหตุที่ต้องมาสั่งสินค้าของบริษัทฯ เพราะกำลังผลิตไม่ทัน เนื่องจากผู้ประกอบการได้ปรับแนวการทำตลาดใหม่ จากเดิมอาจจะเน้นพัฒนาโครงการในทำเลที่ตนเองถนัด แต่ด้วยเมืองที่ขยายตัวออกไป ทำให้ผู้ประกอบการมีการขยายโครงการออกไปในหลายพื้นที่มากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ตอบโจทย์ให้กับผู้ประกอบการ ช่วยลดอุปสรรคในเรื่องแรงงานที่ยังคงขาดแคลนอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งรูปแบบการดำเนินการเหล่านี้จะเป็นเทรนด์ใหม่ของผู้ประกอบการที่จะเริ่มเห็นในปี 2565 มากขึ้น
“การเปิดโครงการอสังหาฯในปีหน้าจะปรับตัวสูงขึ้น เห็นได้จากการประเมินของผู้ประกอบการหลายแห่ง ที่คาดว่าปี 2565 อสังหาฯ จะสามารถเติบโตประมาณ 10-15% เป็นการเติบโตตัวเลข 2 หลักที่ไม่ได้เห็นมาระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา บริษัทอสังหาฯเร่งระบายสต๊อก และไปขยายการเติบโตตามหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ภาครัฐได้คาดการณ์ในอีก 9 ปีข้างหน้า ประชากรในพื้นที่ EEC จะเพิ่มขึ้น 3 เท่า ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น”
ทั้งนี้ จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ประกอบการและพิจารณาจากคำสั่งซื้อสินค้า เราเชื่อว่าในปี 2565 จะมีลูกค้าแนวสูงกลับมาใช้สินค้าของบริษัทฯมากขึ้น ซึ่งปีนี้ เห็นภาพชัดเจนแล้ว โดยมีลูกค้าโครงการอาคารสูงกลับมาในสัดส่วน 8% จากปี 2563 ที่ผ่านมาเหลือเพียง 1-2% และรูปแบบการก่อสร้างคอนโดฯ จะเปลี่ยนไป จะก่อสร้างได้เมื่อมียอดขายได้ 75% จากเดิม 50% เพราะลดความเสี่ยงเรื่องการโอน แต่อาคารสูงจะเห็นงานก่อสร้างได้ช้ากว่าแนวราบ เพราะต้องรอให้ผ่านเรื่อง EIA ก่อน ขณะที่ลูกค้าโรงงานเพิ่มขึ้นมาที่ 10% จากปีที่ผ่านมาหายไปหมด ส่วนลูกค้าแนวราบมีประมาณ 80%
“มองว่า Precast ยังคงเติบโตได้อีก ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดมีประมาณร้อยละ 3-5 เท่านั้น เทียบกับมูลค่าตลาดอสังหาฯที่มีถึง 5-6 แสนล้านบาท และแนวโน้มเรื่องของต้นทุนแรงงาน ก็จะส่งให้ Precast เป็นที่ต้องการของตลาด ลดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย”
โดยในช่วงไตรมาส 2/2564 ที่ผ่านมา บริษัทรับงานใหม่จากลูกค้ารายเดิม และลูกค้ารายใหม่ 7 โครงการ อาทิ Motif Townhouse,สัมมากร คู้บอน, พาโน เซน, Victoria, แสนสิริ K- series อ่อนนุช, TMT Land และ กานดา ลำลูกกา คลอง 2 มูลค่ารวมกว่า 199 ล้านบาท อีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้าประเภทแนวราบและแนวสูงอีกหลายราย
สำหรับความคืบหน้าของการลงทุนโรงงานแห่งที่ 2 นั้น จะเริ่มก่อสร้างไตรมาส 2/2565 และแล้วเสร็จไตรมาส 3/2566 และบริษัทเตรียมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ เพื่อรองรับแนวโน้มการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่มีสัญญาณฟื้นตัวในปี 2565 ซึ่ง CPANEL ถือเป็นรายแรกที่นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิต สามารถผลิต Precast Concrete ได้รวดเร็วมากขึ้น และสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 5-10% นอกจากนี้ ยังมั่นใจอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ มั่นใจว่าการดำเนินงานในปี 2564 จะสามารถทำรายได้ตามเป้าที่ปรับใหม่ไม่ต่ำกว่า 35% ส่วนในปี 2565 คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 25%.
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา