หอฯตากดันฟื้นเขตศก.พิเศษ ลุ้นต่างชาติที่เมียนมาขอลี้ภัยลงทุนแม่สอด

29 มี.ค. 2564 397 0

          หอการค้าตากดันรัฐบาลฟื้นชีพเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด เพิ่มมาตรการจูงใจส่งเสริมการลงทุน หลังนักธุรกิจหลายชาติที่เข้าไปลงทุนในเมียนมา ติดต่อขอลี้ภัยเข้ามาชายแดนด่านแม่สอด จากเหตุความไม่สงบ ทำธุรกิจที่เข้าไปลงทุนหยุดชะงัก หวังดึงทุนต่างชาติ ใช้แม่สอดเป็นฐานการผลิต ส่งสินค้าเข้าไปขายใน เมียนมาแทน

          นายนิยม ไวยรัชพานิช รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ เกิดปัญหาความไม่สงบในประเทศ เมียนมา ส่งผลกระทบต่อนักธุรกิจไทย และนักธุรกิจชาติต่าง ๆ ที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาเดือดร้อนมาก ตนจึงเห็นว่า รัฐบาลไทยควรมีนโยบายรื้อฟื้นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก บริเวณอำเภอแม่สอดขึ้นมา และอำนวยความสะดวกส่งเสริมด้านการค้าการลงทุน เพื่อเป็นแรงจูงใจที่เอื้อประโยชน์รับรองว่าชาวต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเมียนมา ตอนนี้ พร้อมแห่เข้ามาลงทุนในแม่สอดกันหมด และใช้แม่สอดเป็นฐานการผลิต ส่งสินค้าเข้าไปขายในเมียนมาแทน

          “ตอนนี้เกิดความไม่สงบ ผู้ประกอบการ ที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาต้องหยุดหมด ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น ประเทศไทยต้องรีบเปิดอำนวยความสะดวกรองรับ นักลงทุนเหล่านี้ เพื่อจูงใจให้ย้ายโรงงานออกมา โดยใช้แม่สอดเป็นฐานการผลิต ผมได้คุยกับนักธุรกิจต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาว่า หากมาตั้งโรงงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยปลอดภัยกว่า ส่วนครอบครัวประเทศไทยมีนโยบาย ทำนิคมผู้สูงอายุ เรื่อง health care สามารถรับครอบครัวย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยได้เลย ผมจะผลักดันเรื่องการอำนวยความสะดวกให้ มีนักลงทุนจีนหลายคนบอกให้ผมหาพื้นที่ให้ เป็น safe zone ทำเหมือนเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วมกับจีน ผมว่าแม่สอดจะเป็นฐานการผลิตที่ดี และระยะทางแม่สอดไปย่างกุ้งใกล้กว่าเส้นทางอื่น ใช้เวลาเพียง 1 วัน”

          นายนิยมกล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันพ่อค้า คนไทยที่ส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าไปขาย สินค้าได้เพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้หลายชาติที่เคยส่งสินค้าเข้าไปทั้งจีน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ที่เคยใช้เส้นทางขนส่งทางน้ำตอนนี้มีปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์

          เมื่อสินค้าจากชาติอื่นส่งเข้าไปไม่ได้ แต่เส้นทางขนส่งบริเวณแม่สอดขนส่งด้วยรถยนต์ไม่มีปัญหา และแม่สอดถือว่าสะดวกสุด หากเทียบกับชายแดนไทย-เมียนมาด่านอื่น ๆ

          นายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมการค้าด่านชายแดนแม่สอดทั้งการนำเข้าและการส่งออก ถือว่าสถานการณ์ปกติ ถึงแม้มูลค่าตัวเลขการส่งออกจะลดลงประมาณ 20% ในส่วนของนักลงทุน ที่อยู่ฝั่งเมียนมา นักธุรกิจส่วนหนึ่งชะลอการลงทุนไว้ก่อน และเริ่มมีสัญญาการลี้ภัยจากผู้ประกอบทั้งชาวเมียนมาและชาวต่างชาติประเทศต่าง ๆ ที่เข้าไปลงทุนในประเทศเมียนมา มีความประสงค์จะเดินทางเข้ามาลี้ภัยในพื้นที่อำเภอ จังหวัดตาก เพราะอยู่ห่างจากเมืองย่างกุ้ง ประมาณ 400 กิโลเมตร ถือว่ามีระยะทางใกล้ที่สุดหากเทียบกับชายแดนของเมียนมาที่ติดกับประเทศอื่น และสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ได้ ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ที่จะขอเข้ามาเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี และในอนาคตอาจเลือกพื้นที่จังหวัดตากในการลงทุน

          “ตอนนี้นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนใน เมียนมาก็หยุดนิ่งกันหมด เพราะความไม่สงบในเมียนมา พนักงานไปร่วมประท้วงไม่ได้ทำงาน ทำให้มีนักธุรกิจทั้งชาวเมียนมาและชาวต่างชาติอื่น ๆ มีความประสงค์จะเดินทางเข้ามาขอลี้ภัย ในจังหวัดตาก ซึ่งเรากำลังมองว่าจะทำยังไงให้จังหวัดตากเป็นพื้นที่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนหรือ ผู้ประกอบการได้ ถ้าหากนักลงทุนต่างชาติ ต้องการเดินทางเข้ามาอยู่ในจังหวัดตาก เรามองว่ากลุ่มที่เข้ามามีกำลังซื้อ ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการและชาวบ้านได้”

          อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประเทศไทยยังมีการประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉิน และยังมีคำสั่งปิดชายแดนไม่ให้คนต่างชาติ เข้ามาในประเทศไทย ทางหอการค้าคงต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าไปหารือกับทางหน่วยงานภาครัฐ เพราะนักลงทุนอาจจะทำเรื่องผ่านมาทางสถานทูตไทยและให้สถานทูตเป็นผู้รับรองตัวตน เดินทางเข้ามาเป็นกรณีพิเศษในการลี้ภัยจากเหตุความไม่สงบภายในประเทศ แต่หากประเทศไทยไม่เปิดโอกาสให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาแบบถูกกฎหมาย อาจจะเห็นการลักลอบหนีเข้ามา กรณีจะไม่สามารถควบคุมได้

          “นักลงทุนคนไหนที่อยากเดินทางเขามาในประเทศต้องแสดงความจำนง และต้องปฏิบัติตามมาตรการการควบคุมโรคโควิด-19 เมื่อเข้ามาในพื้นที่ เราจะส่งกลุ่ม อสม.เข้าไปดูแล แต่ถ้าเราไม่ได้ เปิดโอกาสให้เขา เขาอาจจะลักลอบหนีเข้ามา มันก็จะเป็นปัญหาว่าเรา ไม่สามารถควบคุมได้เลย”

          แหล่งข่าวจากวงการค้าแม่สอดกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมาหอการค้าไทยผลักดันให้ทำเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อำเภอแม่สอดมาตั้งแต่ปี 2536 จนมาถึงปัจจุบันยังตั้งไม่สำเร็จ โดยที่ผ่านมากรมธนารักษ์มีการเปิดประมูลเพื่อสรรหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนพัฒนาที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เนื้อที่ประมาณ 1,067 ไร่ โดยกำหนดเรียกเก็บผลประโยชน์ตอบแทนเป็นค่าเช่าในอัตราไร่ละ 36,000 บาทต่อปี คิดค่าเช่าปีละ 38 ล้านบาท และได้กำหนดค่าธรรมเนียมการประมูลเป็นเงิน 266 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาเช่า 50 ปี ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้เคยเปิดประมูลเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากไปแล้ว 2 รอบ โดยรอบแรกเมื่อประมูลไปช่วงปลายปี 2561 แต่เอกชนไม่มาทำสัญญาภายในเวลาที่กำหนด จนสุดท้ายต้องยกเลิกการประมูล และมาเปิดประมูลรอบ 2 เมื่อช่วงวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ได้คัดเลือกให้กิจการร่วมค้า ไอซีบีแอนด์จี ตาก อินดัสเทรียล พาร์ก เป็นผู้ได้รับสิทธิพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก และได้ยกเลิกสัญญาไป เนื่องจากต้องลงทุนปรับปรุงที่ดินค่อนข้างมาก ทำให้ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ดังนั้น ถ้ารัฐบาลจะส่งเสริมต้องมีการปรับเกลี่ยพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เรียบร้อยพร้อมให้เอกชนลงทุน

ที่มา: