หมอบุญ ทุ่ม 5 พันล้านปั้น Wellness Center 6 ดาว รับต่างชาติกระเป๋าหนัก

03 ก.พ. 2566 328 0

          นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด หรือ TMG เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ยอมรับว่าปัจจุบันเรื่องของสุขภาพในประเทศไทย ภาครัฐยังไม่สามารถซัพพอร์ตได้อย่างเต็มที่เพราะไม่ได้สนับสนุนการแพทย์ระดับชุมชนซึ่งสำคัญมาก เห็นได้จากงบประมาณส่วนใหญ่จะถูกทุ่มให้กับโรงพยาบาลจังหวัดและมหาวิทยาลัยแต่เรื่องของการป้องกันกลับไม่ได้รับความสนใจ

          ทั้งนี้ TMG ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุ ที่ผ่านมามีการลงทุนในเรื่องของการวิจัยและพัฒนา (R&D) ค่อนข้างมาก โดยมีโครงการรองรับซีเนียร์ แคร์ 4 โครงการ ได้แก่ ธนบุรี เวลบีอิ้ง จ.เชียงใหม่ 2 แห่งสำหรับรองรับซีเนียร์ แคร์ต่างชาติเป็นหลัก, โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ สหรับรองรับซีเนียร์ แคร์ทั้งคนไทยและต่างชาติ และธนบุรี เฮลท์ วิลเลจ ประชาอุทิศรองรับซีเนียร์ แคร์คนไทยชนชั้นกลาง ล่าสุดบริษัทได้ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาทในการพัฒนาโครงการ La Torre Medical Wellness Center พระราม 3 บนเนื้อที่ 5 ไร่ริมแม่น้เจ้าพระยาตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามบางกระเจ้า ซึ่งเป็นที่ดินเช่าของสมาคมเตชะสัมพันธ์ ระยะเวลา 60 ปี เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพองค์รวมในรูปแบบ Luxury Service ระดับ 6 ดาว ประกอบด้วย ส่วนอาคารที่พักอาศัย 56 ชั้น 376 ยูนิต, Medical Wellness Center, Fitness, ร้านอาหารดัง, ภัตตาคารบนชั้นรูฟท็อป และลานจอดเฮลิคอปเตอร์

          ในส่วนของ Medical Wellness Center นั้น เป็นศูนย์การแพทย์ 4 ชั้นประกอบด้วย ศูนย์บริการตรวจสุขภาพ, ศูนย์กายภาพบำบัด, ศูนย์สุขภาพเด็กและวัยรุ่น, ศูนย์สุขภาพผิวหนังและความงาม และศูนย์สุขภาพสำหรับผู้ออกกลังกาย และที่สำคัญยังมี Health Tech หรือบริการโรงพยาบาลเสมือนแบบครบวงจร ให้บริการให้คำปรึกษาโดย บุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบออนไลน์, การให้การดูแลสุขภาพที่บ้าน ตลอดจนการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ถึงบ้าน โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2568

          “La Torre Medical Wellness Center เกิดขึ้นเพราะเราให้ความสำคัญกับสังคมสูงอายุ ที่นี่จะให้บริการ World Class และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดพร้อมกับบริการระดับ 6 ดาวรองรับชาวต่างชาติและคนไทยระดับบน เน้นการป้องกันไม่ให้เกิดโรค เพราะการรักษาหลังเป็นโรคมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า ซึ่งศาสตร์สมัยใหม่โดยเฉพาะ AI จะช่วยในการรักษาพยาบาลและติดตามการวินิจฉัยโรคและการป้องกันได้ดีกว่า และค่าใช้จ่ายถูกลงเยอะมาก แพทย์หนึ่งคนอาจจะสามารถดูแลคนไข้ได้ 5,000 คน ซึ่งเราได้ลงทุน R&D และส่งทีมงานเข้าไปศึกษาเทคโนโลยีในหลายประเทศโดยเฉพาะอิสราเอลเพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยีได้ดีมาก”

          หมอบุญ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน La Torre Medical Wellness Center อยู่ระหว่างขั้นตอนการขอใบอนุญาตก่อสร้างและคาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเปิดบริการทั้งโครงการในช่วงปลายปี 2568 โครงการนี้จะแบ่งเป็นยูนิตสำหรับเช่า 50% และขาย 50% ลูกบ้านที่จะเข้ามาอยู่ในโครงการยูนิตสำหรับขายคาดว่าจะเป็นคนไทย 25% ส่วนที่เหลือจะเป็นชาวต่างชาติและเกษียณอายุซึ่งตอนนี้ TMG ได้เจรจากับหลายๆประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น ในการส่งต่อผู้สูงอายุเข้ามาดูแลในโครงการ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่นสูงมาก รองลงมาเป็นยุโรป

          “ประเทศไทยมีคนต้องการเข้ามาอยู่นับสิบล้านคนแต่ปัญหาใหญ่คือประกันสุขภาพ แต่เราได้เปรียบเพราะบริษัทเข้าไปร่วมลงทุนกับภาครัฐหลายแห่งผ่านระบบประกันสุขภาพ หลังจากรักษาดูแลตามสิทธิ์ที่ประกันสังคม Cover เราสามารถย้ายคนไข้ไปอยู่ในโครงการที่เราบริหารอื่นๆหรือส่งกลับบ้านและเข้าสู่ขั้นตอน เทเลเฮลท์ได้ ซึ่งตอนนี้อยู่ขั้นตอนเจรจาถ้าเราสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ ต้นทุนของประกันสังคมจะถูกลงด้วย เพราะการแพทย์เป็นค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุด เราจึงต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาดูแลให้ดีกว่าเดิมและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยให้มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดนี่เป็นหลักการของการทำการแพทย์แบบครบวงจร หรือ Wellness Center

          ในส่วนงบการลงทุน โชคดีที่รู้จักกับบริษัทชั้นนำของประเทศจีน 3-4 บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 2 แสนล้านบาทเข้ามาช่วยซัพพอร์ตในการขยายธุรกิจของ TMG อย่างเต็มที่ทั้งในสปป. ลาว เวียดนาม บังกลาเทศ พม่าและในไทย”

ที่มา: