สิงห์เอสเตท ลั่นไตรมาส4เด้ง! ได้ดีโรงแรมเข้าไฮซีซั่น จ่อโอนอสังหาฯ 1.2 พันล้าน

28 พ.ย. 2565 270 0



          นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2565 จะเติบโตจากไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจที่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรม ปัจจุบันมีสัดส่วน 70%, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย (ที่อยู่อาศัย) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 20% ส่วนอีก 10% มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (อาคารสำนักงาน) และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

          สำหรับธุรกิจโรงแรม กลับฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 หลังทุกโรงแรมกลับมาเปิดเต็มที่ และเชื่อว่าในไตรมาส 4/2565 จะดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ คาดว่าทั้งปี 2565 อัตราการเข้าพัก (OCC) จะอยู่ที่ 60% และประเมินว่าในปี 2565 จะมีรายได้จากธุรกิจอยู่ที่ 9,000 ล้านบาท และในปี 2566 รายได้จะเติบโตประมาณ 20-30% จาก OCC ที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 70% หลังจากการท่องเที่ยวกลับสู่ภาวะปกติ โดยบริษัทจะเน้นการบริหารรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) ที่เหมาะสม เพื่อให้ EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) อยู่ที่ 25-30%

          ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ในปี 2566 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 4,000-5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 6,096 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 4/2565 มีแผนทยอยส่งมอบโครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส จำนวน 3 แปลง มูลค่าประมาณ 300-400 ล้านบาท และโครงการ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ มูลค่าประมาณ 700-800 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส พัฒนาการ มูลค่าโครงการ 2,908 ล้านบาท ยังไม่เปิดขายอย่างเป็นทางการ แต่มียอดขายแล้ว 26 ยูนิต จากทั้งหมด 28 ยูนิต ซึ่งเริ่มโอนกรรมสิทธิ์แล้วในเดือน พฤศจิกายน 2565 และมีแผนเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะปิดการขายในปีหน้า

          นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2565 บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรองรับแล้ว โดยจะเน้นการพัฒนาโครงการในระดับลักซ์ชัวรี่ มีมูลค่าโครงการประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาทต่อโครงการ ได้แก่ โครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ มูลค่าโครงการ 3,996 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 23% คิดเป็น Backlog จำนวน 933 ล้านบาท ส่วนอีกโครงการยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

          ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีรายได้ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่อยู่เกือบ 90% และในปี 2566 จะปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดบริการอาคารสำนักงาน เอส โอเอซิส (S-OASIS) เพิ่ม คาดว่าจะสร้างรายได้ในปีแรกประมาณ 200-300 ล้านบาทต่อปี ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินจะอยู่ที่ประมาณ 700-900 ล้านบาทต่อปี โดยการขายที่ดินจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป และในช่วงไตรมาส 4/2565 จะโอนที่ดินได้ตามแผนมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท

 

ที่มา: