สมาร์ท ขึ้นเบอร์ 1บริหารอสังหาฯ เป้าปี 66เซ็นสัญญาเพิ่ม 60 โครงการ

11 ต.ค. 2565 269 0

           “สมาร์ท” ประกาศขึ้นแท่นอันดับ 1 ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนต์ไทย เผยงานบริหารจัดการโครงการในมือ 360 โครงการ คาดสิ้นปีขยายเพิ่มเป็น 370-380 โครงการ ปี 66 รุกขยายตลาดต่อเนื่องทั้งใน กทม.ปริมณฑลและต่างจังหวัด วางเป้าปีหน้าโต 15% หรือมีโครงการบริหารการขายในมือเพิ่มไม่ต่ำ 50-60 โครงการ

           นายสุวัฒน์ กุลไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) ผู้ให้บริการบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯเริ่มฟื้นตัว จากปัจจัยบวก โควิด-19 คลี่คลาย การเปิดประเทศ ธุรกิจท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ทำให้ในตลาดเริ่มมี Supply มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในปีนี้ตลาดที่อยู่อาศัยโครงการใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15-16% กลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะที่กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมก็ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตของตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ จะส่งผลโดยตรงกับการเติบโตของธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนต์ ในปีหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้น

          สำหรับ สมาร์ท เปิดให้บริการมาแล้ว 26 ปี และมีโครงการที่อยู่อาศัยที่ดูแลบริหารจัดการในปัจจุบันกว่า 360  โครงการ และมีลูกบ้านในความดูแลมากกว่า 120,000 ท่าน เมื่อเทียบสัดส่วนของจำนวนโครงการที่ดูแลแล้ว ทำให้ สมาร์ท เป็นที่ 1 ในธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนต์ ของประเทศไทย โดยในปีนี้บริษัทจะ ผลักดันให้มีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่เพิ่มเป็น 380 โครงการและในปี 66 ตั้งเป้าว่าจะมีการเซ็นสัญญาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 50-60 โครงการ หรือมีอัตราการขยายตัวอยู่ 15% โดยในจำนวนนี้จะมีโครงการของ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด ประมาณ 30%

          “ตลอดระยะเวลาในการดูแลลูกบ้าน เชื่อว่าในการส่งมอบการดูแลลูกบ้านในทุกมิติของการอยู่อาศัย นอกจากการดูแลพื้นที่ส่วนกลางแล้ว ยังคงให้ความสำคัญและมุ่งเน้นการเข้าถึงและเข้าใจลูกบ้านในทุกมุมมองของการใช้ชีวิต โดย สมาร์ท ได้นำแนวความคิดจากการ Design Thinking เข้ามาตอบโจทย์ลูกบ้านโดยการค้นหา Pain Point หรือ Inside ที่แท้จริง จึงทำให้เกิดการพัฒนาทุกระดับการดูแลที่อยู่เหนือกว่าในทุกๆ ด้าน จนได้รับการตอบรับและเป็นที่ 1 ในปัจจุบัน”

          นายสุวัฒน์ กล่าวว่า สมาร์ทฯ ไดักำหนดแผนดำเนินงานไว้ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญ ที่จะส่งมอบคุณภาพและประสบการณ์ที่ดี สร้างคุณภาพชีวิตเพื่อตอบโจทย์ในการดูแลลูกบ้านได้ครบทุกมิติ ประกอบด้วย
1. Bounding community ให้ความสำคัญในการสร้างสัมพันธ์ที่ดี ให้เกิดสังคมที่น่าอยู่ในโครงการ เพื่อเกื้อกูลกันและกัน ทั้งการอยู่อาศัยและการดำเนินธุรกิจในสังคม
2. Digital transformation ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารองค์กร นำ technology ที่ดีที่สุดมาบริหารงานในโครงการ ด้วยการใช้ระบบ SMART NITI ,SMART finance ,ระบบรักษาความปลอดภัย KATSAN พร้อมทั้ง Mobile Application ที่ชื่อว่า SMART World ที่มีลูกบ้านใช้งานมากกว่า 70,000 คน
และ 3. Partnership ที่เกิดจากการค้นหาและร่วมมือกับ partner ต่างๆ เพื่อมอบสิทธิพิเศษ ส่วนลด หรือการเลือกซื้อบริการเรื่องบ้านต่างๆ และทุกบริการที่เข้ามาในระบบต้องแก้ไข pain ของ ลูกบ้านได้ และให้ลูกบ้านได้รับสิทธิประโยชน์มากที่สุด

ที่มา: