ศุภาลัยโรดแมปมุ่งสู่กำไรเติบโตแรง

09 ก.พ. 2567 221 0

 

         

         บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ตั้งเป้าหมายเชิงรุกสู่การเติบโตของกําไรในปี 2567 และหวัง All Time High ในทุกมิติ โดยตั้งเป้าหมายสร้างปรากฏการณ์มากที่สุด ทั้งจากเป้ายอดขาย (Presale) และรายได้ เป็นตัวเลขระดับเดียวกันที่ 3.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 25% และ 19% จากปีก่อน ตามลําดับ

         การเติบโตนี้หนุนจากเปิด 42 โครงการใหม่ มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 38 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ เจาะตลาดทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยในกรุงเทพฯ จะเปิดเพิ่มในทําเลใหม่ ๆ เช่น กรุงเทพกรีฑา, พุทธมณฑล, อุทยาน-อักษะ และอรุณอัมรินทร์

         ขณะที่ ในต่างจังหวัดมีแผนขยายการพัฒนาไปยัง 3 จังหวัดใหม่ เช่น ลําปาง ลพบุรี และราชบุรี ตั้งเป้ายอดขายจากต่างจังหวัดระดับ  1.76 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 49% ของเป้ายอดขายปีนี้ จาก 47% ในปีก่อน

        ตลาดในประเทศนั้น SPALI จะขยายสู่ระดับกลาง-บน มีระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนยอดขายมากขึ้น 56% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดต่างประเทศยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในประเทศออสเตรเลีย ผ่านกิจการร่วมค้า “SSRCP HoldCo Pty Ltd”  ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาแล้วรวม 24 โครงการ มูลค่าโครงการ 187,700 ล้านบาท คิดเป็นเงินทุนรวม 22,300 ล้านบาท ปีนี้หวังรายได้จากในออสเตรเลีย 2 พันล้านบาท

        SPALI จะขับเคลื่อนจากการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นทั้งในไทยและออสเตรเลีย เพื่อบรรลุเป้าหมายทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา หรือ All Time High ในทุกมิติ โดยจะลุยเปิดโครงการใหม่ส่วนใหญ่ในช่วงครึ่งปีแรก ด้วยมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท เริ่มจากไตรมาส 1 ที่จะเปิด มีมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท

       หากจะเฟ้นหาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ SPALI ไม่เคยหลุดโผ จะติด 1 ในหุ้นที่โบรกเกอร์แนะนำตลอด โดยในปี 2567 นี้ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส มองจะมีกําไรเท่ากับ 6.66 พันล้านบาท ฟื้นตัวขึ้น 17% จากปีก่อน หากพิจารณาผลประกอบการรายไตรมาสในปี 2567 ไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสต่ำสุดของปี

       จากนั้นจะไต่ระดับขึ้นในไตรมาสถัด ๆ ไป ตามการเปิดโครงการแนวราบและโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในปีนี้ จำนวน 5 โครงการ แบ่งเป็น 1 โครงการในไตรมาส 1, 3 โครงการในไตรมาส 2 และอีก 1 โครงการในไตรมาส 3 คิดเป็นมูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านบาท

       ส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท หลังลงทุนเพิ่มอีก 12 โครงการใหม่ในออสเตรเลีย ซึ่งจะเริ่มสร้างส่วนแบ่งกําไรตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป

       ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะอยู่ที่ 36.5% ดีขึ้นจากปีก่อนที่ 35.9% จากสัดส่วนการโอนคอนโดมิเนียนสูงขึ้น เนื่องจากปีนี้จะโอน 5 โครงการ เมื่อเทียบกับปีก่อนโอนเพียง 2 โครงการ รวมถึงส่วนแบ่งกําไรบริษัทร่วมเพิ่มเป็น 402 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% ผลจากการลงทุนโครงการใหม่ในออสเตรเลีย

       อย่างไรก็ตาม ยอด Presale อาจต่ำกว่าเป้าที่บริษัทตั้งไว้ 3.3% หรืออยู่ที่ 3.48 หมื่นล้านบาท และมียอดโอน 3.28 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 9% ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปี 2566 รอรับรู้รายได้ปีนี้ 1.35 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นแนวราบถึง 8.3 พันล้านบาท รวมถึงการขายสต๊อกคอนโดฯ พร้อมอยู่ และโครงการใหม่ที่จะสร้างเสร็จตลอดปีนี้

       SPALI พื้นฐานดี การเงินแข็งแรง ปันผลคงที่ ธุรกิจที่มั่นคงมีความสมดุลของพอร์ตสินค้าทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โครงสร้างการเงินแข็งแรงด้วย Net Gearing ต่ำกว่า 0.6 เท่า ทําให้การขยายธุรกิจยังมีโอกาสเปิดกว้าง ระดับ P/E 8 เท่า ให้มูลค่าพื้นฐานสิ้นปี 2567 ที่ 27.30 บาท แนะนํา “ซื้อ”

       ด้านบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า โครงการลงทุนใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 1.26 หมื่นล้านบาท ในออสเตรเลียจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในปี 2568 หลังจากชําระเงิน 2 ครั้งในไตรมาส 1 และ 3 ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนน่าจะปรับตัวเพิ่มขี้นอีกในปี 2568 ในขณะที่ SPALI อยู่ระหว่างการพิจารณาขอสินเชื่อใหม่ในสกุลเงินต่างประเทศเพื่อนํามาใช้สําหรับการลงทุนครั้งนี้บางส่วน ซึ่งอาจจะทําให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น

       การเร่งเปิดโครงการใหม่และการลงทุนใหม่ในออสเตรเลียทําให้ต้องจับตาดูกระแสเงินสดและสถานะหนี้สินในปี 2567-2568 ซึ่ง SPALI มีหุ้นกู้ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ที่จะครบกําหนดไถ่ถอน อาจจะส่งผลทําให้ต้นทุนทางการเงินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 2.8-2.9%

       คงคําแนะนํา NEUTRAL ด้วย backlog ระดับตํ่าในปี 2567-2568 และกําไรที่อ่อนแอในไตรมาส 1 ปี 2567 โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 23.80 บาท อิง P/E เฉลี่ย 16 ปี ที่ 6.9 เท่า คาดเงินปันผลสําหรับงวดครึ่งหลังปี 2566 ที่ 0.35 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.8%

        ส่วนบล.ทิสโก้ เลือก SPALI ให้ราคาเป้าหมาย 26 บาท ภายใต้เหตุผล แนวโน้มการเติบโตในระดับ 2 หลักอาจเป็นไปได้ โดยพาะในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเป็น backlog รอโอนคงค้างอยู่อย่างแข็งแกร่ง และโครงการแนวราบ หรือ  low-rise ที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต โดยโมเมนตัมยอดจองยังสูง

         ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ SPALI ก็น่าจะเข้าข่ายเป็นทั้ง “หุ้นกำไรเติบโต” และ “หุ้นปันผลดี”

 

ที่มา: