ศุภาลัยมองอสังหาฯครึ่งปีหลังเริ่มฟื้น ลุยขึ้นโครงการหนุนยอดขาย-รายได้ทะลุเป้า

16 ส.ค. 2565 276 0

 

          “ศุภาลัย"ประเมินตลาดอสังหาฯช่วงที่เหลือของปีนี้ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ดอกเบี้ย ขึ้นไม่แรง ค่าเงิน และเงินเฟ้อ สวิงไม่มาก พร้อมลุยครึ่งปีหลังเปิด 21 โครงการใหม่ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ลั่นปีนี้ได้เห็นยอดขายและรายได้ทะลุเป้าที่วางไว้ พร้อมจับมือกับ 4 พันธมิตรรายใหญ่ ร่วมโครงการส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานสะอาด

          นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี 2565 (ส.ค.-ธ.ค.) ว่า ตอนนี้ดีกว่าที่คิดไว้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่ขึ้นรุนแรงอย่างที่เราประเมินไว้ เงินบาทเริ่มนิ่งขึ้น และหวังว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากังวลมากกว่าที่อัตราเงินเฟ้อจะขึ้น

          “ตอนนี้ดูแล้วค่าเงินและอัตราเงินเฟ้อ การเหวี่ยงน้อยลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยได้ อัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นมาแล้วนั้น ตอนดอกเบี้ยลงก็ไม่ได้สะท้อนว่ายอดขายบ้านจะมากขึ้น ไม่เคยเห็นภาพนั้น ส่วนดอกเบี้ยขึ้นก็กระทบกับกำลังซื้อไม่มาก แค่เปอร์เซ็นต์กว่าเท่านั้น ดังนั้น เรื่องเงินเฟ้อและปัญหาเรื่องแรงงาน เป็นสิ่งที่เรายังต้องติดตามอยู่ ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก เรื่องราคาวัสดุก่อสร้างเรายังประเมิน แต่ตอนนี้เราจับทิศทางได้แล้ว”

          ดังนั้น ภาพและแนวโน้มของอสังหาฯ ครึ่งปีหลังเริ่มดีขึ้น ทางศุภาลัยจะเร่งเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นอีก 21 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายที่เป็นโครงการพร้อมโอน ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขรายได้ภายในประเทศ มีโอกาสทำได้เกินเป้าที่วางไว้ โดยเป้ายอดขายทั้งปีอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท และเป้ารายได้ 29,000 ล้านบาทนั้น ปัจจุบันบริษัทมีโครงการพร้อมโอนประมาณ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 15,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท

          สำหรับโครงการสนับสนุนให้คนไทยใช้พลังงานสะอาดนั้น นายไตรเตชะกล่าวว่า ทางศุภาลัยได้ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด และบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ร่วมกันเปิดโครงการ SolarPlus ติดตั้งโซลาร์รูฟให้แก่ประชาชนฟรี ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญต่อการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด Green Design โดยเน้นออกแบบเป็นบ้านประหยัดพลังงานมาอย่างยาวนาน และในปีนี้บริษัทมีการตั้งเป้าหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 25% ภายใน 3 ปี ซึ่งเตรียมเดินหน้าติดตั้ง โซลาร์ที่อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ สำนักงานใหญ่ ตลอดจนมีแผนการติดตั้ง EV charger ที่โครงการทั่วประเทศ เพื่อลดผล กระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็น การสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการลดก๊าซเรือนกระจก และเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก

          พร้อมจับมือร่วมกับพันธมิตรธุรกิจที่มีนโยบายใส่ใจรักษ์โลก ดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงการผนึกกำลังกับธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้ โดยบริษัทได้คัดเลือกโครงการศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ รังสิต คลอง 2  ซึ่งเป็นโครงการแนวราบ มีลูกบ้านเข้าอยู่แล้วจำนวนมากมาไม่น้อยกว่า 4-5 ปี เข้าร่วมโครงการ และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกบ้านเป็นอย่างดี เนื่องจากช่วยประหยัดไฟฟ้าให้กับผู้อยู่อาศัยภายในโครงการดังกล่าว

          “ตอนนี้เป็นจังหวะเหมาะที่ดี เพราะตอนนี้ค่าไฟแพงขึ้น น้ำมันแพงขึ้น ทำให้ประชาชนต้องการพลังงานสะอาด ถ้าเราสามารถนำเรื่องโซลาร์รูฟมาใช้กับบ้านที่เสร็จสมบูรณ์ โอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว อยู่มาแล้ว 5-10 ปี จะเป็นสิ่งที่ดีมาก และเรารักษ์โลกโดยที่ต้นทุนไม่สร้างภาระใหักับลูกค้า ส่วนของศุภาลัยยังตอบไม่ได้ชัดเจน จะขยายผลไปสู่โครงการทั่วประเทศหรือไม่ เนื่องจากอยู่ในระยะการเริ่มต้น แต่สิ่งที่ดี คือ เราสามารถลดขนาดของที่อยู่อาศัยในกลุ่มคนที่จะสามารถติดโซลาร์ได้ ต้องเป็นบ้านราคา 8 ถึง 20ล้านบาท แต่เราสามารถทำได้กับโครงการ ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ รังสิต คลอง 2 บ้านระดับกลางราคา 3-6 ล้านบาท ซึ่งเป็นฐานใหญ่ที่มีส่วนแบ่งในตลาดถึงร้อยละ 70-80 โดยเราจะมีการคัดเลือกบ้านลูกค้าในบางหลังร่วมโครงการ เพื่อประเมินในเรื่อง สามารถลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าได้ระดับไหน สามารถขายไฟคืนได้จริง และพิจารณาเรื่องของต้นทุน แต่เราก็เชื่อมั่นว่า ลูกค้าจะไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะปฏิเสธในเรื่องของการติดโซลาร์รูฟบนหลังคา ต่างจากอดีตที่เรื่องต้นทุนที่สูงอาจทำให้ลูกค้าไม่ได้กลายเป็นคนดีได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งศุภาลัยเข้ามาช่วยในการส่งเสริมให้สังคมดีขึ้นเท่านั้น” นายไตรเตชะ กล่าว

 

ที่มา: