มารวยฯ ตรึงราคาบ้านถึงสิ้นปี 65

26 ก.ค. 2565 324 0

 

          เปิดขาย’ทรอฟี บ้านโพธิ์‘รับขยายเมืองEEC

          “มารวย เรียลเอสเตท” เผยอสังหาฯ ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา การแข่งขันเข้มข้นกว่าห้วงก่อนโควิด-19 แต่แบรนด์มารวยแกร่ง สร้างโครงการรองรับความต้องการมีที่อยู่อาศัยมามากกว่า 33 ปี เดินหน้าเปิดโครงการแบรนด์ใหม่ “ทรอฟี บ้านโพธิ์-TROFY Baan Pho” มูลค่าโครงการ 600 ลบ.

          ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร แพทโก้ กรุ๊ป และบริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคตะวันออก ภายใต้แบรนด์ “บ้านมารวย” กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา หนึ่งในสามจังหวัดที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC (จ.ชลบุรี และ ระยอง) ว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลง คาดว่าภาพรวมตลาดอสังหาในพื้นที่ยังคงทรงตัว ต่างจากช่วงก่อนสถานการณ์ส่งผลให้การเติบโตลดลง การแข่งขันยังคงเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ทำเลทอง ใน อ.บางปะกง, อ.บ้านโพธิ์ ตลอดจน อ.เมืองฉะเชิงเทรา เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์เข้ามาพัฒนาโครงการ

          “ในสามทำเลดังกล่าว ผู้พักอาศัยให้ความสนใจและสร้างรายได้มากที่สุด สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย ส่งผลให้ 3-5 ปีที่ผ่านมา กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันสูง โดยเฉพาะตลาดทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม บ้านแฝด ที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท แต่บริษัทยังคงสร้างยอดขายได้ดี เนื่องจากเข้าสู่ตลาดอสังหาฯ ใน จ.ฉะเชิงเทรามากกว่า 33 ปี โครงการและบ้านมีดีไซน์ที่ได้มาตรฐาน ลูกค้าเชื่อมั่นและบอกต่อถึงคุณภาพของโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โดย มารวย ได้พัฒนาโครงการออกสู่ตลาดรวม 26 โครงการ โดยมี 10 โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย มูลค่า 5,000 ล้านบาท รองรับสร้างยอดขายและรายได้ถึง 3 ปี”

          ดร.สืบวงษ์ กล่าวว่า เพื่อรองรับความต่อเนื่องของการขาย ทางบริษัทจึงได้ปรับโปรดักส์มาเปิดแบรนด์น้องใหม่ เปิดตัวโครงการ “ทรอฟี บ้านโพธิ์-TROFY Baan Pho” ทาวน์โฮม บ้านแฝด สไตล์อังกฤษ มูลค่าโครงการกว่า 600 ล้านบาท บนพื้นที่ 25-3-57 ไร่ จำนวน 195 หลัง ในราคาที่ลูกค้าเข้าถึงได้ เริ่มต้น 2.39-3.79 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทบ้าน ได้แก่ ออเนอร์ 5 รูปลักษณ์ ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ขนาด 145 ตร.ม.,ออเนอร์ 5.7 ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ขนาด 165 ตร.ม. และไพร์ด บ้านแฝด ขนาด 142.5 ตร.ม. ปัจจุบันมียอดขายกว่า 20% และหลังการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายจะเพิ่มยอดขายเป็น 50% โดยมีลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 5-6% คาดปิดการขายในปี 2567

          “ที่ดินเราถูกกว่าเมื่อเทียบคู่แข่ง แต่ให้บ้านใหญ่กว่า ซึ่งจะต่างกับคู่แข่งที่ให้บ้านเล็ก เราใช้ระบบก่อสร้างมาตรฐานสูงจาก SCG อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ภาพรวมตลาดอสังหาฯ เงินเฟ้อที่มาจากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ของต่างๆขึ้นราคา ปุ๋ยแพง เงินบาทอ่อน การซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่แพงขึ้น บริษัทฯยอมรับต้นทุนสูงขึ้น โดยลดมาร์จิ้น ตรึงราคาบ้านไปจนถึงสิ้นปี 2566 เพื่อรองรับผลกระทบช่วยเหลือลูกค้า

 

ที่มา: