ฟันธงกนง.เคาะขึ้นดอกเบี้ย กลุ่มครัวเรือนภาระหนี้สูงเดือดร้อน
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัยและที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่าเห็นสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายชัดเจน จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยหลังเปิดเมือง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นช่วยสนับสนุนธุรกิจภาคบริการอีกทั้งภาคการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่องช่วยสนับสนุนภาคการผลิต
อย่างไรก็ดี ปัญหาเงินเฟ้อพุ่งแรง ต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ เพิ่มสูง ส่งผลให้การใช้จ่ายของครัวเรือนเติบโตช้าและกระจุกตัวในกลุ่มรายได้กลาง-บน และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวและส่งออก แต่การท่องเที่ยวกระจุกตัวในจังหวัดท่องเที่ยวเพียงไม่กี่แห่ง ส่วนกลุ่มภาคเกษตรยังเผชิญปัญหา ธุรกิจขนาดกลางและเล็กยังมีปัญหาหนี้สูง รายได้โตไม่ทันรายจ่ายผลจากปัญหาเงินเฟ้อพุ่งแรงจึงเห็นสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)วันที่ 10 สิงหาคม 2565
คำถามสำคัญตอนนี้ หากขึ้นดอกเบี้ยช้าหรือไม่แรงพอจะเกิดอะไรขึ้นหากกนง.รอบนี้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดไว้ที่ 0.25% ไปสู่ระดับ 0.75% ต่อปี เป็นระดับที่รับรู้ของตลาดเงินและตลาดทุนอยู่แล้ว แต่ที่ต้องจับตามองต่อ เป็นการ ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง ที่ชัดเจน รวดเร็ว และขึ้นแรง เนื่องจากรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนี้ไทยตามหลังสหรัฐและประเทศอื่นมามาก หากขึ้นเพียง 0.25% และไม่ได้มีการส่งสัญญาณใดๆ หรือให้น้ำหนักกับการคงดอกเบี้ยต่ำเพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจมากเกินไป อาจจะได้เห็นสิ่งต่อไปนี้
1. เงินเฟ้อคาดการณ์สูง ราคาสินค้าอาจขยับขึ้นต่อเนื่องในอนาคต หากไม่สามารถสร้างความ เชื่อมั่นด้านเสถียรภาพราคาได้ อาจเห็นการปรับขึ้นราคาสินค้าจากฝั่งอุปสงค์ที่มีการอั้นมานาน และทยอยปรับขึ้น ต่อเนื่องทำให้เงินเฟ้อยังสูงในปีหน้า
2. เงินไหลออกทำบาทอ่อนค่า จากการเทขายพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และบาทที่อ่อนอาจมีผลต่อต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มสูงทำให้เงินเฟ้อเร่งต่อเนื่อง แม้บาทอ่อนช่วยกลุ่มท่องเที่ยวและส่งออก แต่ความผันผวนที่สูงมีผลให้การบริหารทางบัญชีมีความลำบาก
3. สภาพคล่องที่สูงแต่ดอกเบี้ยต่ำ ทำให้คนอยากเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงมากเกินไป หรือประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป จนอาจมีผลต่อความเสี่ยงด้านสถาบันการเงินในอนาคต
ปัจจัยข้างต้นอาจเป็นเหตุผลให้ต้องขึ้นดอกเบี้ย 0.5% อย่างไรก็ดี หากกนง. ขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 0.5% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่1.0% ต่อปี ก็อาจไม่เหนือความคาดหมายของตลาด แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงที่ 0.5% ในครั้งเดียวก็ไม่น่า ทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนผันผวน แต่อาจต้องพิจารณาการส่งผ่านของอัตราดอกเบี้ยสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจในปลายปีนี้ถึงปีหน้า เพราะเศรษฐกิจไทยยังเติบโตช้าและต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด
“ผมฟันธงกนง.จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% แต่มติไม่เป็นเอกฉันท์ แต่ไม่ว่าจะทางไหน ดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นนี้ จะมีผลกระทบต่อกลุ่มครัวเรือนที่มีหนี้มากและยังมีปัญหารายได้โตไม่ทันรายจ่าย รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีหนี้สูงและฟื้นตัวช้า เช่น กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ การสื่อสารและโทรคมนาคม ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ห้าง สรรพสินค้า ธุรกิจขนส่ง การก่อสร้างและขายวัสดุก่อสร้าง และธุรกิจสำนักงานให้เช่า ยกเว้นว่ากลุ่มดังกล่าว อยู่ในพื้นที่หรือมีลูกค้ากลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการ ท่องเที่ยว การส่งออก และการฟื้นตัวของกำลังซื้อระดับกลางถึงบนก็จะได้รับผลกระทบน้อย เพราะปัญหาเศรษฐกิจไทยรอบนี้มาจากการฟื้นตัวที่ช้าของกำลังซื้อระดับล่าง โดยเฉพาะช่วงที่เงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับสูง” นายอมรเทพ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์เเนวหน้า