พฤกษา เข็นโมเดลผุดคอนโดฯให้เช่า เสริมรายได้ประจำปักหมุดใกล้มหา'ลัย

07 มิ.ย. 2566 141 0

          พฤกษาฯ เดินหน้าตามโมเดล เพิ่มพอร์ตที่อยู่อาศัยระดับราคากลางไปจนถึงบน ทั้งบ้านเดี่ยว 10 ลบ.ขึ้นไป ทาวน์เฮาส์ราคา 3-5 ลบ. และ คอนโดฯ ราคา 3-5 ลบ. หวังรองรับกลุ่มกำลังซื้อ ลดต้นทุนดอกเบี้ย หลังช่วง 3 ปี ลดพอร์ตโครงการเดิม จาก 300 โครงการ แสนลบ. เหลือ 150 โครงการ มูลค่า 70,000 ลบ. ลุยไตรมาส 2 ปั๊มเปิด 10 โครงการ กว่าหมื่น ลบ. ดันยอดขายตามเป้าทั้งปี ระดับ 2.4 หมื่นลบ. เร่งสปีด เสริมรายได้ประจำ เปิดคอนโดฯ ให้เช่าทำเลมหา’ลัย แตะระดับ 10% ภายใน 5 ปี

          นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งแรกของปี 2566 ว่า มีการเติบโตแต่ไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โครงการที่เปิดตัวส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคอนโดมิเนียม ระดับราคา 2-3 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ยังขายได้ และตลาดบ้านเดี่ยวราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงถึง 30% ขณะที่สินค้าทาวน์เฮาส์และบ้านแฝดมีการเติบโตน้อย ทำให้ประเมินว่า หากภาพรวมการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ประมาณ 3% ก็คาดว่าตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตได้ระดับ 5-7% ไม่ร้อนแรงเท่ากับปีที่ผ่านมา

          “เรามองว่า ปัจจัยท้าทายที่มีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ และต่อบริษัทพฤกษานั้น ก็มองในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ มีผลต่อต้นทุน อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ล่าสุดได้ปรับขึ้นอยู่ระดับร้อยละ 2 ก็จะมีผล การส่งออกและท่องเที่ยวยังดี ขณะที่ ส่วนของพฤกษา พยายามปรับพอร์ตให้เหมาะสมเพื่อรองรับกับกลุ่มกำลังซื้อที่เติบโต เดิม 3 ปีที่ผ่านมาเรามีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและระหว่างก่อสร้างไม่น้อยกว่า 300 โครงการ มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท แต่ตอนนี้ปรับลงมาเหลือ 150 โครงการ มูลค่ารวม 70,000 ล้านบาท ผลการปรับลด ทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยลดลงไปมาก หนี้สินต่อทุนตอนนี้เหลืออยู่ 0.4 เท่า ประกอบกับ 4-5 ปีที่ผ่านมา พอร์ตใหญ่ของพฤกษาฯกว่าร้อยละ 70 จะเป็นกลุ่มระดับราคา 3 ล้านบาท ก็อาจจะมีเรื่องกำลังซื้อ คอนโดมิเนียมที่ขายได้ดี แต่เวลาโอนกรรมสิทธิ์ เราต้องมาดูด้วย”

          ดังนั้น พฤกษาฯต้องหันมาจับกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับราคากลาง-บนมากขึ้น ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ทาวน์เฮาส์ราคา 3-5 ล้านบาท และคอนโดฯราคา 3-5 ล้านบาท เช่น โครงการใหม่ย่านวัชรพล จะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวราคากว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป และทาวน์โฮมราคา 6-7 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ปรับสัดส่วนการลงทุนใหม่ เป็นกลุ่มบ้านแนวราบ 75% และคอนโดฯ 25%

          รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนรูปแบบใหม่ เพื่อสร้างรายได้ ประจำ (Recurring Income) โดยจะพัฒนาสินค้าในกลุ่ม คอนโดฯ โลว์ไรส์ในรูปแบบให้เช่าแทน (เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน) เบื้องต้นวางแผนจะเปิดตัวโครงการในย่านแจ้งวัฒนะ และย่านเกษตร ใกล้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ประมาณ 1,000 ยูนิต อัตราค่าเช่า 10,000 บาทต่อเดือน

          “ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ก็เหมือนการทำงานแบบหาเช้ากินค่ำ ถ้าของหมดแล้วไม่มีของมาเติม หรือเมื่อเจอภาวะความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ก็ทำให้รายได้เราหายไป จึงคิดว่าโมเดลการพัฒนาโครงการให้เช่าในทำเลที่ใกล้มหาวิทยาลัย จะเป็นส่วนเสริมให้รายได้ของเรามีความยั่งยืนได้ โดยตามแผน 5 ปี จะผลักดันให้รายได้ประจำมีสัดส่วนเพิ่มเป็นร้อยละ 10” นายปิยะ กล่าว

          สำหรับแผนการลงทุนปีนี้ วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 22 โครงการ แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 11 โครงการ บ้านเดี่ยว 7 โครงการ และคอนโดฯ 4 โครงการ ช่วงไตรมาสแรกเปิดตัวไปแล้ว 2-3 โครงการ และช่วงไตรมาส 2 นี้ จะเปิดตัวโครการใหม่มากถึง 10โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องถึงยอดขายตามเป้าทั้งปีที่ 24,000 ล้านบาท จากผลงานในครึ่งแรกของปี 66 ที่ทำได้ถึง 12,000 ล้านบาท

          นายปิยะ กล่าวถึงแนวโน้มในครึ่งหลังของปี 66 ว่า ยังคงต้องติดตามความชัดเจนของปัจจัยการเมืองว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะเข้ามาผลักดันเศรษฐกิจ หวังว่าภาครัฐจะมีแนวทางกระตุ้นกำลังซื้อของกลุ่มระดับล่าง รวมถึงช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ และเป็นฐานลูกค้าใหญ่ของภาคอสังหาริมทรัพย์

          ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงเป็น 450 บาท/วัน อาจจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้นราว 5% ซึ่งในส่วนนี้หากมีการปรับขึ้นก็มีการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการต้นทุนในการพัฒนาที่อยู่อาศัย

          ด้าน นางสาวอังคณา ลิขิตจรรยากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดองค์กรกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้จัดแคมเปญการตลาดร่วมมือกับวอลท์ ดิสนีย์ ประเทศไทย จัดแคมเปญ “ร่ายสุขเข้าบ้าน ดีลวิเศษ อยู่แล้วสุข” ภายใต้แนวคิด “Bring the joy to your new Home, Dream Comes True” โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 2 ล้านบาท และฟรีทองคำมูลค่าสูงสุด 170,000 บาท ฟรีค่าส่วนกลางสูงสุด 36 เดือน ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอนและค่าจดจำนอง ฟรีค่าจองและทำสัญญา ฟรีเครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้า รับสิทธิ์กู้ดอกเบี้ยต่ำคงที่ 0.99% นาน 24 เดือน และรับเพิ่มของพรีเมียมเพาเวอร์แบงก์ และกระเป๋าผ้าลาย Mickey Mouse, Minnie Mouse, Donald Duck สำหรับลูกบ้าน ที่จองและทำสัญญาบ้านและ คอนโดฯ ในเครือพฤกษาตั้งแต่ วันที่ 15 พฤษภาคม-30 มิถุนายน 2566 โดยมีโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญทั้งหมด 102 โครงการ ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดฯ ประมาณ 600 ยูนิต คาดว่าจะทำยอดขายได้จากแคมเปญ นี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท

 

ที่มา: