ปลดล็อก ต่างชาติ ซื้อบ้าน-ที่ดิน อสังหาฯขยับลงทุนรับดีมานด์

26 ต.ค. 2565 290 0

ครม.ปลดล็อกต่างชาติที่มีรายได้สูง ซื้อบ้าน-ที่ดิน ได้ไม่เกิน 1 ไร่ แลกลงทุน 40 ล้าน โดยต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 3 ปี จากเดิม 5 ปี สัญญาณบวกอสังหาฯ ฟื้นตลาด กระตุ้นเมืองท่องเที่ยว พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ดีเวลลอปเปอร์จ่อลงทุนคึกคัก

รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียวร่างกฎกระทรวง “ต่างชาติ” ถือครองที่ดินได้ไม่เกิน 1 ไร่ ภายใต้เงื่อนไขลงทุนในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี ทบทวน 5 ปี นับเป็นปัจจัยบวกกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการ ร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยดึง คนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. ... ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ให้กลุ่ม คนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ได้แก่

1.กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง 2.กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3.กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย 4.กลุ่มผู้มีทักษะ เชี่ยวชาญพิเศษ มีสิทธิขอได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย

ทั้งนี้ กำหนดจำนวนเนื้อที่ ไม่เกิน 1 ไร่มาตรา 63 ทวิแห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จำนวนเงินลงทุนและระยะเวลาการดำรงทุนต้องไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และดำรงทุนการลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 3 ปี นับแต่วันยื่นคำขอ (กฎกระทรวงฯ พ.ศ. 2565 กำหนด 5 ปี ให้นับมูลค่าการลงทุน ณ วันที่ยื่นคำขอ

โดยกำหนดประเภทของคนต่างด้าวที่สามารถขอได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตามประกาศกระทรวงมหาดไทย โดยอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ไทย ลงวันที่ 25 พ.ค.2565 โดยไม่รวมผู้ติดตามของคนต่างด้าวดังกล่าว

เงื่อนไขลงทุนไทย5ประเภท

ทั้งนี้ คนต่างด้าวต้องลงทุนในธุรกิจหรือกิจการประเภทหนึ่งประเภทใด หรือหลายประเภทรวมกัน รวมทั้งส่วนการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยต้องมีหนังสือรับรองประเภทธุรกิจหรือกิจการที่ได้ลงทุนจากหน่วยงาน ดังนี้

1.การซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทย พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือพันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงิน หรือดอกเบี้ย ให้ ธปท.กระทรวงการคลัง หรือหน่วยงานผู้ออกพันธบัตรเป็นผู้ออกหนังสือรับรอง

2.การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน หรือกองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (เพิ่มกองทุนรวมโครงสร้าง พื้นฐานจากกฎกระทรวงฯ พ.ศ.2555) ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ออกหนังสือรับรอง

3.การลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน (เพิ่มขึ้นใหม่จาก กฎกระทรวงฯ พ.ศ.2555) ให้สำนักงาน ก.ล.ต.ออกหนังสือรับรอง

4.การลงทุนในทุนเรือนหุ้นของนิติบุคคล ที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน ตามกฎหมายว่าด้วยการ ส่งเสริมการลงทุน ให้สำนักงานบีโอไอออกหนังสือรับรอง

5.การลงทุนในกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศ ให้เป็นกิจการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนได้ตามกฎหมายบีโอไอ ให้สำนักงานบีโอไอออกหนังสือรับรอง

สำหรับกรณีมีการจำหน่ายที่ดินทั้งหมดหรือบางส่วนก่อนครบกำหนด 1 ไร่ ให้นำจำนวนที่ดินในส่วนที่ได้จำหน่ายไปแล้วมารวมกับสิทธิที่จะได้มา ซึ่งที่ดินตามกฎกระทรวงนี้ด้วย ส่วนกรณีที่ได้มาซึ่งที่ดินครบ 1 ไร่แล้ว ต่อมาได้จำหน่ายที่ดินทั้งหมด หรือบางส่วนไป สิทธิที่จะได้มาซึ่งที่ดินตามกฎกระทรวงนี้เป็นอันระงับไป

ขีดเส้นที่ดิน กทม.-เมืองท่องเที่ยว

นอกจากนี้ การกำหนดเขตพื้นที่ต้องอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล หรืออยู่บริเวณที่กำหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง และต้องอยู่นอกเขตปลอดภัยในราชการทหาร โดยยื่นคำขอและเอกสารหลักฐานตามแบบแนบท้ายกฎกระทรวงฯ เมื่อเห็นว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปยังอธิบดีกรมที่ดินพิจารณาเสนอรัฐมนตรี

อีกทั้งต้องใช้ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับตนเอง โดยไม่ขัดต่อศีลธรรมจารีตประเพณีหรือวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งผู้รับอนุญาตต้องแจ้งการใช้ที่ดินให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบภายใน 50 วัน และถ้าถอนการลงทุนก่อนครบกำหนดต้องแจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ถอนการลงทุน โดยมีระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

สัญญาณบวกดึงต่างชาติฟื้นตลาด

นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า จากการที่ ครม.ปลดล็อกชาวต่างชาติซื้อบ้านได้ เมื่อมีการลงทุนในประเทศไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาท สามารถครอบครองอสังหาฯ ได้ 1 ไร่ ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ภาครัฐให้ ความสำคัญกับภาคอสังหาฯ ในการดึงกำลังซื้อต่างชาติกลุ่มที่มีความมั่งคั่งเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ความต้องการซื้อบ้านของคนต่างชาติในประเทศไทยโดยเฉพาะคนจีนมีความต้องการสูงมาก สะท้อนได้จากที่ผ่านมามีการซื้อในรูปแบบนอมินี หากมีการปลดล็อกเชื่อว่าทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

“แต่ยังมีข้อกังวลใจในแง่กลุ่มคนที่เข้ามาว่า จะเป็นการซื้อเพื่อลงทุนดำเนินธุรกิจเหมือนกับทัวร์ศูนย์เหรียญในอดีต แทนที่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัย เพราะเงื่อนไขกำหนดให้กลุ่มที่เข้ามาเป็นนักลงทุน”

รุกเมืองท่องเที่ยวเจาะต่างชาติ

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า หลังปลดล็อกต่างชาติซื้อบ้าน เชื่อว่าจะทำตลาดบ้านคึกคักมากขึ้น โดยบริษัทเตรียมพัฒนาโครงการแนวราบร่วมกับเจ้าของที่ดินในพัทยารองรับลูกค้าต่างชาติที่มีแนวโน้มสนใจซื้อบ้านในไทยมากขึ้นหลังสถานการณ์โลกมีความไม่แน่นอน

“ไทยเป็นเซฟโซน ในสายตาของคนต่างชาติ มากขึ้น โดยเฉพาะจีน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา บ้านพูลวิลล่าเป็นที่ต้องการคนจีนค่อนข้างมาก รวมทั้งคนไทยเอง ขณะที่ซัพพลายน้อย สร้างมาเท่าไรก็ขายได้หมด เรียกได้ว่า สร้างไม่ทันขาย”

โดยความต้องการบ้านของคนต่างชาติส่วนใหญ่ นิยมทำเลเมืองท่องเที่ยว อาทิ พัทยา หัวหิน ภูเก็ต เชียงใหม่ หรือโซนนิคมอุตสาหกรรม รองรับกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย

ธุรกิจรับสร้างบ้านรับอานิสงส์

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจ รับสร้างบ้าน กล่าวว่า การที่ ครม.ปลดล็อกต่างชาติ ซื้อบ้านและที่ดินได้นั้น ถือเป็นโอกาสของธุรกิจรับสร้างบ้านจากเดิมจะเป็นชาวต่างชาติที่มีภรรยาเป็นคนไทย นิยมสร้างบ้านในต่างจังหวัดโดยเฉพาะ ภาคอีสาน

แต่ครั้งนี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถซื้อที่ดินและปลูกสร้างบ้านเป็นชื่อ ของตนเองได้ ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มี กำลังซื้อสูงพร้อมสร้างบ้านระดับระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป จะทำให้ตลาดรับสร้างบ้านมีฐาน ลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองท่องเที่ยว

ลุยลงทุนรับดีมานด์อนาคต

ก่อนหน้านี้ นายไลโอเนล ลี หวนวงการ ผู้บริหาร อาลียาห์ คอร์ป ผู้พัฒนาอสังหาฯระดับไฮเอนด์ อดีตผู้บริหารไรมอนแลนด์ ได้เปิดตัวโครงการ “ALIYAH RESERVE” วิลล่าระดับอัลตร้าลักชัวรี มูลค่า 1,400 ล้านบาท ขนาด 5 ไร่ ย่านพัฒนาการ 32 กล่าวว่า ตลาดลักชัวรีของไทยโดดเด่นและมีโอกาส จากจำนวนซัพพลายที่มี ไม่เพียงพอกับดีมานด์ที่มีจำนวนมากและเติบโตต่อเนื่องจาก 68% ปี 2562 เป็น 75% ในไตรมาส 2  ของปี 2565 ส่วนหนึ่งมาจากการเข้ามาลงทุนของคนไทยและต่างชาติ

“การที่รัฐบาลออกมาตรการดึงต่างชาติเข้ามา ซื้ออสังหาฯ ในไทย โดยเฉพาะบ้านถือเป็นเรื่องที่ดี  เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของ คนต่างชาติที่ต้องการเข้ามาอยู่เมืองไทย มองว่าไทยเป็นบ้านหลังที่สอง เป็นโอกาสที่ดีสำหรับ ดีเวลลอปเปอร์ที่พัฒนาโครงการตอบรับดีมานด์ชาวต่างชาติได้ “

ภูเก็ตตอบโจทย์ลูกค้ากำลังซื้อสูง

ล่าสุดกลุ่มมอนท์เอซัวร์ ภูเก็ต ร่วมกับเชนโรงแรมดังระดับโลก “แอคคอร์” เดินหน้าก่อสร้างและเพิ่มยอดขายโครงการ “เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ มอนท์เอซัวร์” เป็น เอ็มแกลเลอรี เรสซิเดนซ์ แห่งแรกในไทย โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนหาดกมลา เป็นมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ 454 ไร่ ทำเลพรีเมียมของเมืองตากอากาศ ซึ่งกำลังเป็น ที่ต้องการของนักลงทุนทั้งชาวไทยและเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง

ที่มา: