บ้านแนวราบสุดหรูยังแรงปี'66 ชิงส่วนแบ่งคอนโดมิเนียมไฮเอนด์

12 ม.ค. 2566 219 0

            นางสาวโชติกา ทั้งศิริทรัพย์ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เปิดเผยภาพรวมตลาดที่พักอาศัย ว่า หลังจากคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯเติบโตและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าหนึ่งทศวรรษ แต่ในปี 2565 พบว่าบ้านแนวราบได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของผู้ซื้อชาวไทย และในปี 2564 จำนวนบ้านแนวราบเปิดใหม่มีมากกว่าจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554

          นอกจากนี้ในปี 2565 แม้จำนวนบ้านแนวราบจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 25% เมื่อเทียบกับปี 2564 แต่จำนวนคอนโดมิเนียมใหม่ยังคงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในย่านมิดทาวน์หรือรอบนอกใจกลางเมือง และย่านชานเมือง โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาด “กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน”

          “ตลาดที่พักอาศัยมีการซื้อขายอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในตลาดบ้าน และแม้ธุรกรรมส่วนใหญ่ในตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเกิดขึ้นในย่านรอบนอก ใจกลางเมืองและย่านชานเมือง แต่ผู้พัฒนาโครงการหลายรายมีท่าทีในเชิงบวกเกี่ยวกับแผนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในย่านใจกลางกรุงเทพฯ ทั้งนี้แม้จะมีท่าทีในเชิงบวกเช่นนี้ การเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ใจกลางเมืองก็ยังคงมีจำกัด” นางสาวโชติกา กล่าว

          อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญของตลาดบ้านแนวราบในปี 2565 คือมีการเปิดตัวโครงการบ้าน ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เพิ่มขึ้น ซึ่ง ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องการพื้นที่ใหญ่ขึ้นและมีฟังก์ชันที่รองรับการทำงานและการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ โดยแผนกวิจัยซีบีอาร์อี พบว่า ในปี 2565 โครงการบ้านระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่เปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะถนนกรุงเทพกรีฑา พัฒนาการ ศรีนครินทร์ และบางนา เช่น โครงการ “มอลตัน เกทส์” โครงการ “อาลียาห์ รีเซิร์ฟ” โครงการ “พาร์ค เฮอริเทจ” และโครงการ “เนอวานา คอลเลคชั่น”

          ทั้งนี้ตลาดระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงที่มีโรคระบาด และในปี 2566 นี้ จะได้เห็นการเปิดขายบ้านระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เพิ่มขึ้นอีก เช่น โครงการ “แกรนด์ บางกอกบูเลอวาร์ด” ของ บมจ.เอสซี แอสเสท หรือโครงการ “นาราสิริ” ของ บมจ.แสนสิริ

          โดยบรรดาบ้านหรูที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี และมีฟังก์ชั่นที่รองรับการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ได้ดี จะส่งผลให้ผู้ซื้อนิยมซื้อบ้านจัดสรรจาก ผู้พัฒนาโครงการมากขึ้น ขณะที่โครงการบ้านแนวราบในตลาดระดับเริ่มต้น โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์กำลังแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกับคอนโดมิเนียมระดับกลางในย่านรอบนอกใจกลางเมืองและย่านชานเมือง เนื่องจากราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่หลายโครงการในย่านรอบนอกใจกลางเมือง จึงมีราคาขายใกล้เคียงกับทาวน์เฮ้าส์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน นอกจากนี้ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้ซื้อเกิดคำถามว่าจำเป็นต้องใช้ชีวิตในเมืองจริงๆ หรือไม่

          “ผู้ที่มีแนวโน้มซื้อที่พักอาศัยหลายคนได้ปรับเปลี่ยนมีวิธีการทำงานเป็นรูปแบบใหม่ มีงานอดิเรกใหม่ๆ และวางแผนที่จะสร้างครอบครัว สิ่งเหล่านี้ต่างต้องอาศัยพื้นที่แบบที่คอนโดมิเนียมทั่วไปไม่สามารถให้ได้ ผู้ซื้อจึงยินดีที่จะอยู่ไกลจากตัวเมืองมากขึ้น เพื่อพักอาศัยในบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า และมี ราคาพอๆ กับคอนโดมิเนียมขนาดเล็กในย่านใจกลางเมือง“นางสาวโชติกา กล่าว

          ทั้งนี้สถานการณ์รูปแบบเดียวกันนี้ก็กำลังเกิดขึ้นในตลาดบ้านระดับลักซ์ชัวรี่ในย่านรอบนอกใจกลางเมืองเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันกำลังแข่งขันกับคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ขึ้นไปที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง  และแม้ราคามักจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่มีคอนโดมิเนียมเพียงไม่กี่แห่งที่เป็นยูนิตขนาดใหญ่สำหรับครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาโครงการได้ออกแบบไว้ในโครงการบ้านแนวราบ

          ในทางตรงกันข้าม ตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ผู้พัฒนาโครงการต่างมีความระมัดระวังที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ เพราะมียูนิตที่แล้วเสร็จแต่ยังเหลือขาย นอกเหนือจากการแข่งขันระหว่างบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมแล้ว ตลาดที่พักอาศัยในย่านใจกลางเมืองยังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากกำลังในการจับจ่ายใช้สอยของผู้ซื้อที่ถดถอย รวมถึงผู้ซื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีนที่ลดลงเช่นกัน ตลาดนี้ยังคงมีความอ่อนไหวในเรื่องราคาและมุ่งเน้นไปที่ผู้ซื้อภายในประเทศ

ที่มา: